กรุงเทพฯ--16 ก.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,327 เหรียญ/ออนซ์และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ1,311 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.89 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,950 บาท กับ 20,050 บาท และกลับมาปิดที่ 19,700 บาท กับ 19,800 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,465 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 5,473 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น4.4 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 2.7% GFV13 ปิด 19,950 บาท และ GFZ13 ปิด 19,990 บาท GF10V13 ปิด 19,950 บาท GF10Z13 ปิด 20,000 บาท
สัญญา Comex ปิดลดลง 22 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,308.6 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 42.9 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 21.72 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 911.12 ตัน (ขายออก 6.01 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 39 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 108.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 75.42 จุด ปิดที่ 15,376.06 จุด
ข่าวที่สำคัญ
เมื่อวันศุกร์ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่ลงเกือบทุกตัว อันได้แก่ Core Retail Sales, Retail Sales, Core PPI, Consumer Sentiment โดยที่มีตัวเลขที่ออกมาดีขึ้นเพียงตัวเดียวคือ PPI อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลง 5.6%
เมื่อวันศุกร์ SPDR ขายออก 6.01 ตัน ปัจจุบันเหลือการถือครองทองคำที่ระดับ 911.12 ตัน
นายลอเรนซ์ ซัมเมอร์ส ได้ถอนชื่อของเขาออกจากการพิจารณาในฐานะประธานเฟดคนต่อไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีแหล่งข่าวรายงานถึงการที่นายโอบามาเสนอชื่อนายลอเรนซ์ ส่งผลสนับสนุนราคาทองคำในช่วงตลาดเอเชียเช้านี้
รัฐบาลอินเดียประกาศลดอัตราภาษีศุลกากรทองคำสู่ระดับ 432 เหรียญต่อทองคำ 10 กรัม จากระดับ 458 เหรียญต่อทองคำ 10 กรัมในสัปดาห์ที่แล้ว
นาย Afshin Nabavi จาก MKS ระบุว่า ปัจจัยที่จะมีผลกดดันต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ก็คือ 1) ความเคลื่อนไหวในการที่ซีเรียจะยอมส่งมอบอาวุธเคมีโดยปราศจากการสู้รบ 2) ปริมาณความต้องการทองคำแท่งลดลงในอินเดีย
Goldman Sachs ระบุว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1,000 เหรียญเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2009 จากการที่เฟดลดขนาด QE และเศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวขึ้น
ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 กันยายน นักเก็งกำไรลดการลงทุนทองคำในทิศทางขาขึ้น โดยมีการปิดสถานะ Long Position มากที่สุดในปีนี้คือ ลดลง 16% สู่ระดับ 84,929 คู่สัญญา จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผลสำรวจจาก Wall Street Journal ระบุว่า นักวิเคราะห์ 2 ใน 3 คาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศลด QE ในกรอบ 5 พันล้านดอลลาร์จนถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งหากมีการลดน้อยกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่หากมีการลด QE มากกว่าที่คาดราคาทองคำจะปรับตัวลงรุนแรง
สิทธิ์และอำนาจในการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐจะหมดไปในวันที่ 30 กันยายน ดังนั้นพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต้องประนีประนอมในข้อโต้แย้งเกี่ยวกับระดับค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาการดำเนินการของรัฐบาลต่อไป
สัปดาห์นี้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะมีการประชุมเศรษฐกิจในวันจันทร์ ประชุมกับกลุ่ม CEO ของกลุ่มบริษัทรายใหญ่สหรัฐในวันพุธ และประชุมสภาส่งออกในวันพฤหัสบดี รวมทั้งเดินทางไปประชุมที่แคนซัสซิตี้ในวันศุกร์
ในวันนี้เวลา 15.00 น. นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ออกมากล่าวในการประชุม SME ที่เยอรมนี
ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าที่คาดหมาย ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจไม่เร่งปรับลดมาตรฐาน QE
ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดบวกสองสัปดาห์ติดต่อกัน รอผลการตัดสินใจของเฟด ในวันนี้ตลาดญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันผู้สูงอายุ
ดัชนีฮั่งเส็งเปิดบวกเช้านี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจากที่นายลอเรนซ์ถอนชื่อออกจากการแย่งชิงประธานเฟดคนต่อไป
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.6 % คาดการณ์จะลดลงอยู่ที่ระดับ 0.3% ตัวเลขจริงที่ออกมา
อยู่ที่ระดับ 0.1 %
- PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0% คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 0.2% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ0.3%
- Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.4% คาดการณ์จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 0.5% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.2%
- Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% คาดการณ์จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 0.2% ตัวเลขจริงทิ่ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.0%
- Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 82.1 คาดการณ์จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 82.6 ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 76.8
ตัวเลขที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้
Empire State Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 8.2 ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 9.2
Capacity Utilization Rate ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 77.6 % ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 77.8 %
Industrial Production m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ0.0 % ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.5 %
ทิศทางราคาทองคำ
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค — ราคาทองคำโดยภาพรวมในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว หลังจากที่หลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,355 เหรียญลงมา ในคืนวันศุกร์มี Rebound ขึ้นมาบ้างเล็กน้อยจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาไม่ดีนัก และมีการคาดหวังว่าเฟดอาจจะมีการเลื่อนการลด QE ออกไป ทำให้ราคาทองคำดีดขึ้นมาได้บ้างที่บริเวณ 1,330 เหรียญโดยประมาณ เคลื่อนตัวอยู่ในกรอบแคบ ในขณะที่ค่าเงินบาทเองกลับมาแข็งค่าอีกครั้งบริเวณ 31.68 บาท/ดอลลาร์ SPDR ยังคงขายออกทองอีก 6.01 ตัน เหลือการถือครองเพียง 911.12 ตัน โดยที่ประเด็นหลักของราคาทองคำในช่วงสามวันนี้คงรอข่าวในคืนวันพุธที่เฟดจะตัดสินใจในการลด QE หรือไม่อย่างไร
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
โดยภาพรวมราคาทองคำหลังจากหลุดระดับแนวรับ 1,355 เหรียญลงมา ราคาทองคำในระยะสั้น กลาง และยาวเป็นแนวโน้มขาลง โดยที่แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ระดับ 1,300 เหรียญ และ 1,280 เหรียญตามลำดับ แนวต้านด้านบนราคาทองคำจะอยู่ในบริเวณ 1,340 เหรียญในกรอบระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ใช้กลยุทธ์ตามแนวโน้มขาลง โดยพยายามปรับ Portfolio ให้เหมาะสมกับแนวโน้มของตลาดขาลง กรอบในสัปดาห์นี้น่าจะอยู่ระหว่าง 1,340 เหรียญเป็นแนวต้านด้านบน และ 1,280 เหรียญเป็นแนวรับด้านล่าง
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
แนะนำให้ปิดสถานะ Long Position ในจังหวะที่เด้งขึ้นมาในขณะนี้
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ให้ขายทำกำไรเป็นช่วงๆ
สรุปได้ว่า ยังแนะนำให้นักลงทุนเข้าออกให้เร็ว และมีวินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการหยุดขาดทุนให้เร็ว
Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,950 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,150 บาท
Gold Futures Z13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,040 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,240 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Research Department
Tel: 02-222-6222 ext. 103
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด 40, 42, 44