กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
ที่สุดแห่งนวัตกรรมยานยนต์ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) เฉลิมฉลองการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งานมหกรรมยานยนต์ International Motor Show (IAA) ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดแบบ Plug-in คันนี้จะเข้ามาเปิดตำนานหน้าใหม่ของความล้ำสมัยให้กับวงการรถสปอร์ตได้อย่างแน่นอน 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีประสิทธิภาพและความคล่องตัวสูงควบคู่ไปกับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการติดตั้งเข้าไปจึงทำให้ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) คันนี้กลายมาเป็นผู้นำของนวัตกรรมยานยนต์ได้เหมือนกับตอนที่ 911 ได้รับการเปิดตัวที่งาน IAA เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน อีกทั้งปอร์เช่ยังได้เน้นย้ำถึงความสำเร็จเพื่อเฉลิมฉลองให้กับ 911 ด้วยการนำเสนอ 911 รุ่นพิเศษ “50 Years 911” ออกมาให้ยลโฉม โดยใช้ตัวถังเดียวกันกับรุ่น 911 คาเรร่า เอส (911 Carrera S) ไม่เพียงเท่านี้ ปอร์เช่ยังได้นำเสนอที่สุดของเทคโนโลยี 911 เทอร์โบ (911 Turbo) ใหม่ล่าสุดออกมาเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ได้ถูกนำเสนอด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Plug-in Hybrid คันแรกของคลาสรถหรู ภายใต้ชื่อรุ่นพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในการพัฒนาเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยมให้กับรถสปอร์ต
การทำให้รถมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่เหนือชั้น ควบคู่ไปกับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงคือความเป็นเอกลักษณ์และเป็นอาวุธลับของแบรนด์ปอร์เช่ในการสร้างยอดขาย Matthias M?ller ประธานกรรมการและประธานบริหารสูงสุดของปอร์เช่ได้กล่าวไว้ว่า “ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคมปีนี้ เราสามารถส่งมอบรถใหม่ได้กว่า 95,300 คันทั่วโลก ซึ่งถือได้ว่ามากกว่าระยะเวลาเดียวกันในปี 2012 ถึง 17% ดังนั้นเราจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าช่วงเวลาที่เหลือในปีนี้เราจะทำได้ดีเช่นกัน และจะทำให้ยอดขายของปีนี้มากกว่าปี 2012 อย่างแน่นอน และยังจะเป็นปีที่เปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับปอร์เช่ด้วยเช่นกัน แม้ว่าโลกจะตกอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำในปัจจุบันนี้ก็ตามที” ปี 2012 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ปอร์เช่ด้วยยอดขายที่สูงถึง 143,096 คัน
โลกแห่งอนาคตจากปอร์เช่: 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดประสิทธิภาพสูง
918 สไปเดอร์ (918 Spyder) สืบสานความเป็นปอร์เช่ และสายพันธุ์ DNA ของปอร์เช่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รูปลักษณ์และประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ไฮบริดมีประสิทธิภาพสูง (พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 887 แรงม้า) ผสมผสานกับความเงียบที่ได้จากพลังงานไฟฟ้า อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 2.8 วินาทีเท่านั้น มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำเพียง 3.0 และ 3.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร สิ่งเหล่านี้ได้มาจากแนวคิดในการพัฒนา 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ที่เน้นการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปให้ทำงานควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสุงสุด
รถยนต์สปอร์ตไอคอนเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี รุ่นพิเศษ "50 years 911" ที่มีจำนวนจำกัด
ตั้งแต่เปิดตัวไปที่งานมหกรรมยานยนต์ IAA ในเดือนกันยายน 1963 เป็นต้นมานั้น 911 ได้กลายมาเป็นรถที่บรรดาแฟนๆ ปอร์เช่ทั่วโลกชื่นชอบโดยทันที และรถรุ่นนี้ได้กลายมาเป็นรุ่นยอดนิยม ซึ่งทำการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี อย่างเป็นทางการที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต โดยส่งรถรุ่นพิเศษจำนวนจำกัดมาให้ยลโฉมในงานนี้ และจะผลิตเพียง 1963 คันเท่านั้น ซึ่งเป็นปีที่ 911 ได้เผยโฉมออกมาเป็นครั้งแรกนั่นเอง ไม่เพียงเท่านี้รถคันนี้ยังได้รับการติดตั้งแพ็คเกจพิเศษเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้มากขึ้น และยังเป็น 911 รุ่นพิเศษที่ใช้ตัวรถของรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมาใช้กับรถขับเคลื่อนล้อหลังซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ 911
911 เทอร์โบ (911 Turbo) ใหม่ล่าสุด: ความคล่องตัวในการขับเคลื่อนสูงสุดและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
911 เทอร์โบ (911 Turbo) prototype ได้จัดแสดงเป็นครั้งแรกในงาน IAA ปี 1973 ซึ่ง เป็นระยะเวลา 10 ปีหลังจาก 911 รุ่นแรกได้ทำการเปิดตัว และในปีนี้ที่ถือได้ว่าเป็นการครบรอบ 40 ปี ของ 911 รุ่นนี้ ปอร์เช่จึงได้ทำการเฉลิมฉลองด้วยการส่ง 911 เทอร์โบ (911 Turbo) และ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) รุ่นใหม่ล่าสุดออกมาให้ยลโฉม โดยรุ่นใหม่นี้ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และประสิทธิภาพที่คล่องตัวมากที่สุดจาก 911 ทั้งหมด อาทิเช่น การเสริมทัพด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใหม่ล่าสุด ระบบ active rear-axle steering ระบบ adaptive aerodynamics ระบบไฟหน้า LED เต็มรูปแบบ และพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 560 แรงม้า เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงนอนมาพร้อมกับ Turbocharging คู่ ส่งผลให้ 911 เทอร์โบ (911 Turbo) เจเนอเรชั่นใหม่นี้กลายเป็นผู้นำในเรื่องของเทคนิคสำหรับรถแข่ง และรถสปอร์ตที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม ประสิทธิภาพความคล่องตัวได้รับการพัฒนาผ่านระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ที่จะช่วยในการควบคุมตัวถัง และเป็นครั้งแรกที่นำมาติดตั้งในรุ่น 911 เทอร์โบ (911 Turbo) ระบบนี้จะได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตราฐานให้กับ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) เหมือนกับแพ็คเกจ Sport Chrono package ที่มาพร้อมกับระบบ dynamic engine mountings และระบบเบรกเซรามิก PCCB ซึ่งระบบต่างๆ เหล่านี้สามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้สำหรับรุ่น 911 เทอร์โบ (911 Turbo) ด้วยสมรรถนะและศักยภาพของระบบเหล่านี้ทำให้ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) ใหม่ล่าสุดสามารถทำเวลารอบสนามแข่ง North Loop ของสนาม N?rburgring ได้ในเวลาเพียงแค่ 7:27 นาทีเท่านั้น (ด้วยยางมาตรฐาน) ในขณะเดียวกันรถรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ยังบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำเพียง 9.7 ลิตร/100 กิโลเมตร ซึ่งถือได้ว่าต่ำกว่ารุ่นเดิมถึง 15% (NEDC)
ผู้เข้าร่วมงานและลูกค้าสามารถพบกับปอร์เช่ได้ที่บูธปอร์เช่ (เบอร์ A12) Hall 3.0 ที่งานมหกรรมยานยนต์ IAA และสำหรับงานแถลงข่าวของปอร์เช่จะมีขึ้นในวันที่ 10 กันยายน เวลา 10.00 น. โดยท่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.media-server.com/m/p/aj2v4htx/lan/en
1) 918 สไปเดอร์ (918 Spyder): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง (โดยรวม) 3.3 — 3.0 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคไฟฟ้า (โดยรวม) 13.0 — 12.5 Wh/100 กิโลเมตร; อัตราปล่อย CO2 79 — 70 กรัม/กิโลเมตร
2) พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง (โดยรวม) 3.1 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคไฟฟ้า (โดยรวม) 16.2 Wh/100 100 กิโลเมตร; อัตราปล่อย CO2 71 กรัม/กิโลเมตร
3) 911 รุ่น 50th Anniversary Edition: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง ในเมือง 13.8 — 12.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; นอกเมือง 7.1 — 6.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; เฉลี่ยทั้ง 2 รูปแบบ 9.5 — 8.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราปล่อย CO2 224 — 205 กรัม/กิโลเมตร
4) 911 เทอร์โบ (911 Turbo) และ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงในเมือง 13.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; นอกเมือง 7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; combined 9.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราปล่อย CO2 227 กรัม/กิโลเมตร
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงาน ปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker — Gold Expert) คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th