กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--คอมมิวนิเคชั่น อาร์ต
เป็นอุปกรณ์ในกลุ่มของ Server Load Balance เพื่อช่วยกระจายข้อมูลและการเชื่อมต่อเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ และ ความต่อเนื่องของบริการและธุรกิจ
Fortinet (NASDAQ: FTNT) - ฟอร์ติเน็ตผู้นำด้านความปลอดภัยเครือข่ายทรงประสิทธิภาพได้เปิดตัว อุปกรณ์ FortiADC-300Eผลิตภัณฑ์แรกที่พัฒนาจากการควบรวมกิจการกับบริษัทไอที Coyote Point Systems และ XDN เมื่อเร็วๆ นี้
โดย FortiADC-300E (ย่อมาจาก Application Delivery Controller) คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ของ Load Balancer ทั้งในส่วนของ Server Load Balance และ Link Load Balance ซึ่งทำการควบคุมการส่งผ่านของข้อมูลได้จนถึงในระดับ Application โดยที่สามารถกระจายส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังสามารถที่จะช่วยลดภาระการทำงานของ Server ในส่วนของการเข้ารหัส SSL ได้อีกด้วย
นายพีระพงศ์ จงวิบูลย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฟอร์ติเน็ต อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์กล่าวว่า “ เพื่อตอบสนองการเติบโตของ ระบบ Applicationsองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ในปัจจุบันมีความต้องการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบตนเองให้สูงสุดสุด ทั้งในด้านของระบบรักษาความปลอดภัยที่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของ Application และ ในส่วนของระบบApplication เองก็ต้องสามารถที่จะรองรับการขยายตัวดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านของเสถียรภาพ และ ประสิทธิภาพของระบบ อุปกรณ์ FortiADC-300Eนี้จะเข้ามาช่วยทำหน้าที่โหลดบาลานซ์ข้อมูลการเชื่อมต่อต่างๆเข้าสู่Applicationฟาร์มในองค์กร FortiADC จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ Applications ให้สูงขึ้นได้อย่างง่ายดายทั้งในเรื่องของความสามารถในการรองรับการเชื่อมต่อที่มีปริมาณมากขึ้น ความเร็วของการเชื่อมต่อที่สูงขึ้น การจัดแบ่งการกระจายข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสม และยังรวมไปถึงการรองรับถึงเหตุการณ์ต่างๆที่อาจจะส่งผลให้ ระบบไม่สามารถให้บริการได้อาทิเช่น อาจจะมี Hardware บางตัวเกิดเสียขึ้นมา
ระบบขององค์กรนั้นๆก็จะยังสามารถให้บริการApplication ต่างๆได้และธุรกิจยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ต้องมีการถูกวางแผนไว้ล่วงหน้า เมื่อเกิดอะไรขึ้น องค์กรจึงจะสามารถที่จะรับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
คุณสมบัติของFortiADC-300E
มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมเมื่อเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ในคลาสเดียวกัน โดยที่สามารถทำงานได้ที่
Layer 4ด้วย Throughputสูงถึง 4.8 Gbps และสามารถรองรับ Layer 7 requests ได้มากถึง 75,000 requests per sec
รองรับทรานแซ็คชั่นของโปรโตคอล HTTPS ได้สูงถึง7,500 transactions per secรวมถึงยังสามารถช่วยทำหน้าที่ในการเข้ารหัส SSL (SSL-Offlad) เพื่อช่วยลดโหลด ของเซิร์ฟเวอร์ได้ และ ยังเป็นการทำให้ Application สามารถตอบสลองต่อผุ้ใช้งานได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย
ระบบเร้าติ้งทำงานตามนโนบายแบบ L7 Policy-based Routing ขั้นสูงทำให้องค์กรสามารถควบคุมทราฟฟิคได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าองค์กรนั้นจะมีโครงข่ายดาต้าเซ็นเตอร์หรือแอปพลิเคชั่นซับซ้อนเพียงใด
มีออปชั่นด้านMultiple High-Availability Failover ที่น่าเชื่อถือซึ่งสามาถทำงานได้ในรูปแบบของMulti-Active N+M failoverซึ่งคุณสมบัตินี้จะจัดการให้อุปกรณ์สำรองนั้นทำงานร่วมกับอุปกรณ์หลักตลอดเวลา แทนที่จะStandby รอเวลาที่อุปกรณ์เครื่องหลักจะมีปัญหาอยู่เฉยๆ จึงส่งผลให้เกิดความคุ้มค่ามากกว่าในการออกแบบระบบ High-Avaliability
มีคุณสมบัติ IPv6 6-in-4 Tunneling ที่ช่วยให้องค์กรก้าวสู่การใช้ IPv6 ได้โดยง่าย โดยระบบสามารถที่จะแปลงทราฟฟิคประเภท IPv6 ที่ตัว FortiADC และกำหนดส่งไปที่เครือข่าย IPv4 ภายในที่ต้องการได้
กำหนดวางตลาด
ทั้งนี้ ในขณะนี้ อุปกรณ์FortiADC-300Eมีจำหน่ายในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว