สรุปราคาซื้อขายทองคำและGold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 9.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 19, 2013 11:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,295 เหรียญ/ออนซ์และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ1,297 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.66 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,400 บาท กับ 19,500 บาท และกลับมาปิดที่ 19,450 บาท กับ 19,550 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 671 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 3,316 คู่สัญญาOpen Interest แบบ 50 บาท ลดลง 3.4% แบบ 10 บาท ลดลง 1.3% GFV13 ปิด 19,630 บาท และGFZ13 ปิด 19,700 บาท GF10V13 ปิด 19,630 บาท GF10Z13 ปิด 19,700 บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 1.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,307.6 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 22 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 21.564 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 911.12 ตัน (ถือครองเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 2.65 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 108.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 147.21 จุด ปิดที่ 15,676.94 จุด ข่าวที่สำคัญ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 15 เดือน หลังจากที่เฟดนั้นยังคงแสดงท่าทีระแวดระวังในการที่จะลดเงินอัดฉีดที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเกิดการเข้าซื้อพันธบัตรประเภทรายเดือนส่งผลให้เกิดแรงความต้องการล้นหลามเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในทันทีโดยเฉพาะทองคำ ทางการเฟดหรือสถาบันการเงินแห่งชาติสหรัฐฯได้ทำการประชุมเมื่อวันพุธที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ได้ทำการตัดสินใจที่จะชะลอนโยบายการลดเม็ดเงินอัดฉีดในทันทีโดยได้คำนึงถึงหลักฐานข้อมูลตัวเลขต่างๆและได้ใช้เวลาในการประชุมถึง 2 วันทำการซึ่งเฟดเองให้เหตุผลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้นั้นอาจทำให้มีแรงกระทบกับภาคเศรษฐกิจขยายออกไปอย่างกว้างขวางนอกจากนี้การประชุมเฟด จะคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำติดพื้น ร้อยละ 0.-0.25 ต่อไป หลังจากอยู่ในระดับนี้มาตั้งแต่ปี 2008 ด้วยอัตราคนว่างงานยังอยู่เหนือร้อยละ 6.5 และตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่ถึงขั้นที่น่ากังวล ราคาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 1,300 เหรียญ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหกสัปดาห์จากการที่นักลงทุนนั้นคาดการณ์ว่าเฟดนั้นพยายามที่จะควบคุมและผ่อนคลายการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ราคาทองคำทะยานตัวสูงขึ้นในทันที 4.1% สู่ระดับ 1,364.02 เหรียญต่อออนซ์ เมื่อวานนี้ที่มีการปรับตัวสูงสุดนับตั้งแต่ วันที่1 มิถุนายน ปี 2012 ที่มีการดีดตัวขึ้นมาจากการที่ร่วงลงไป 1.4% และไปแตะตัวอยู่ที่ระดับ 1,292.02 เหรียญต่อออนซ์ ที่ต่ำสุดตั้งแต่ วันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำแท่งปรับตัวผันผวนทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงตลอดวันและมีการเทรดอยู่ที่ระดับ 1363.20 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์เมื่อเวลา 8 โมงเช้า ส่วนประเทศสิงคโปร์นั้น ราคาทองคำขยับขึ้น 2.8%.ในรอบสัปดาห์ สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคม มีการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 1,363.0 เหรียญต่อออนซ์ที่ตลาดโคเม็กซ์ที่มีการปรับตัวสูงขึ้น 4.2% จากเมื่อวานและก่อนปรับตัวที่ระดับสูงนั้นราคานั้นคงที่อยู่ที่ระดับ 1,307.60 เหรียญต่อออนซ์ ระดับการซื้อขายเทียบอยู่ที่ระดับ 15 % เหนือเส้นค่าเฉลี่ยใน 100 วันที่ผ่านมา เจมส์ สตีลนักวิเคราะห์จากเอชเอสบีซี เซคเคียวรีตี้แห่งสหรัฐฯกล่าวว่า ตลาดทองคำปรับตัวสูงขึ้นอาจได้รับแรงจำกัดถ้านักลงทุนส่วนมากคาดการณ์เรื่องการลดอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของเฟดในช่วงเดือนธันวาคมแต่ถ้าทิศทางของดอลลาร์นั้นเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทองคำที่ค่อนข้างอย่างเห็นได้ชัดทองคำนั้นก็จะได้รับแรงกดดันให้ลดลงแต่จากคำกล่าวจากเฟดเมื่อคืนมีผลทำให้นักลงทุนบางส่วนนั้นต้องปิดสถานะช๊อตแล้วเกิดแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนราคาให้สูงขึ้นพร้อมกับแรงซื้อใหม่ที่เข้ามาอีกด้วย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงระดับโปรแกรมเข้าซื้อพันธบัตรไว้ที่เดือนละ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ตามเดิม ความเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจแก่นักวิเคราะห์ที่คาดหมายว่าจะลดการกระตุ้นลงเนื่องจากเศรษฐกิจเติบโต ในทางกลับกันยังปรับลดประมาณการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าลง อ้างถึงผลกระทบที่ได้รับจากมาตรการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในขณะที่ประเทศยังพยายามหาทางหลุดพ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง FOMC ยอมรับว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในระดับปานกลาง แต่ขณะเดียวกันสภาวะของตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นแก่นกลางของนโยบายเฟดในขณะนี้ ดีขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กระนั้นก็ตามพวกเขาเน้นว่าอัตราคนว่างงานระดับร้อยละ 7.3 ในเดือนสิงหาคม ยังถือว่าสูงอยู่ ทั้งนี้ FOMC ยังได้ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษกิจของอเมริกาในปี 2013 ลง 0.3 จุด อยู่ที่ราวร้อยละ 2.0-2.3 พร้อมกับปรับลดประมาณการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าลงสู่ร้อยละ 2.9 ถึง 3.1 ในปี 2014 ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวที่ว่าเฟดจะตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไป เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ เปิดบวกจากที่ภาพรวมส่วนมากเป็นบวกตลอดสัปดาห์และได้รับข่าวดีเมื่อคืนหลังจากที่เฟดนั้นยังคงมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Building Permits ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.95M ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.95M ตัวเลขจริงออกมาอยู่ที่ระดับ 0.92M - Housing Starts ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.88M ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.93M จริงออกมาอยู่ที่ระดับ 0.859M - Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.2M ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ -1.2M จริงออกมาอยู่ที่ระดับ -4.4M ตัวเลขที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้ - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 292Kตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 331K - Existing Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 5.39M ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 5.27M - Philly Fed Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 9.3 ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 10.2 - Current Account ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -106B ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ -96B ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,295-1,305 เหรียญ โดยแกว่งขึ้นและลงสลับกันในช่วงตลาดเอเชียและ COMEX เพื่อรอผลการประชุมของเฟดเมื่อคืน โดยนายเบน เบอนันเก ได้ออกมาแถลงผลการประประชุมในช่วงเวลาประมาณ ตี 1 เศษหลังจากที่ตลาด COMEX ปิดไปแล้ว โดยที่คำแถลงหลักคือยังไม่มีการปรับลด QE ณ ขณะนี้ยังต้องการดูตัวเลขเศรษฐกิจ และจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปก่อน หลังจากผลการแถลงของเบอนันเก ทำให่ราคาทองคำดีดตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาตี 2 ของบ้านเรา ราคาดีดขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,360 เหรียญทันทีจากแรงซื้อ Stop Buying ในเช้านี้ตลาดเอเชียราคาทองคำยังคงอยู่สูงที่ระดับ 1,363 เหรียญ เคลื่อนไหวเป็นลักษณะ Sideways มาประมาณ 3 ชั่วโมงแล้ว ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร ดอลลาร์อ่อนลงจาก 1.3350 ดอลลาร์/ยูโร มาเป็น 1.3530 ดอลลาร์/ยูโร โดยประมาณ จึงทำให้ค่าเงินบาทเองปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเมื่อคืนนี้ โดยที่เมื่อวานระดับค่าเงินบาทอยูที่ 31.67 บาท/ดอลลาร์ เช้าวันนี้แข็งค่าลงมาแล้วประมาณ 40 สตางค์ ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 31.09 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังพบว่าตลาดบ้านเรามีการซื้อขายปานกลางสลับกันอยู่ตลอดเวลาไม่ได้เป็นข้างใดข้างหนึ่ง ต่อจากนี้ไปคงต้องรอดูตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ที่จะกลับมามีผลต่อตลาดทองคำอีกครั้งหนึ่ง วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำดีดกลับตามแรงข่าวของเฟดและทะลุแนวต้านในระยะสั้นขึ้นไป มาทรงตัวที่บริเวณ 1,363 เหรียญ สัญญาณทางเทคนิคในระยะสั้นยังคงเป็นภาพของการเข้าซื้อ โดยที่แนวโน้มหรือเทรนหลักในระยะกลางและระยะยาวยังถือว่าทองคำเป็นแนวโน้มขาลง ในขณะที่ระยะสั้นมี Technical Rebound ขึ้นมาเพื่อรับข่าว แนวต้านถัดไปของทองคำจะอยู่ที่ระดับ 1,375 เหรียญ และแนวรับอยู่ที่ระดับ 1,330 เหรียญ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังเป็นลักษณะของการติดตามตลาดตามข่าว ตามที่ MTS Gold ได้วิเคราะห์ก่อนหน้านี้ ให้นักลงทุนถือพอร์ตให้เหมาะสมหรือพอร์ตให้ว่าง หรือลดปริมาณลงเพื่อรับความเสี่ยงได้ จึงหวังใจว่าโดยภาพรวมคงไม่น่าจะกระทบกับนักลงทุนที่ติดตามบทวิเคราะห์อยู่ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ยังเป็นลักษณะเล่นตามกรอบ น่าจะมีการแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้นในระยะสั้นๆขึ้นไปก่อน แต่ยังไม่คิดว่าจะเป็นการปรับตัวในทิศทางขาขึ้นในระยะกลาง - นักลงทุนที่ถือ Long Position แนะนำให้ขายปิดทำกำไร บริเวณ 1,373 เหรียญ จะเป็นแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันของนักลงทุนระยะกลาง - นักลงทุนที่ถือ Short Position ยังคงแนะนำให้ รอดูจังหวะก่อน ตั้ง Stop Loss บริเวณ 1,380 เหรียญอีกครั้งหนึ่งในระยะสั้นๆคงจะต้องบริหารพอร์ตให้เหมาะสม ถ้าสามารถ Leverage ได้น้อย ก็แนะให้อยู่เฉยๆก่อน เพื่อที่จะรอดูความชัดเจนของตลาดต่อไป เพียงแต่ในระยะกลางกับยาวยังเป็นขาลง อาจจะต้องใช้ระยะเวลา 1-2 เดือนราคาจึงจะกลับตกลงมาอีกได้ Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,120 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,320 บาท Gold Futures Z13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,180 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,380 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ