กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--PRdd
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ผลการประชุมในวันพุธที่ผ่านมาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FOMC) ยังคงตัดสินใจเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาผ่านทางการซื้อตราสารหนี้ หรือ การใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) โดยจะยังคงดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงินรวมกัน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ทุกเดือนต่อไป เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ ฯส่งผลให้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดกว่า 67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่า 50 สตางค์
โดยเบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำยังคงสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกจากแรงซื้อที่ค่อนข้างมาก โดยประเมินแนวต้านสำคัญ 1,430-1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,000-21,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,330-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,600-19,100 บาทต่อบาททองคำทั้งนี้นักลงทุนสามารถขายทำกำไรตามบริเวณดังกล่าว และรอเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาเข้าสู่โซนแนวรับ
สำหรับสถานการณ์ทิศทางของราคาทองคำต่อไปจะขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาดแรงงาน เนื่องจากประธานธนาคารเฟดได้ให้เหตุผลว่าการยุติมาตรการคิวอีลงนั้น จะพิจารณาจากแนวโน้มพื้นฐานทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่ง ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน ขณะที่การประชุมของ FOMC รอบต่อไปจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้
นางพวรรณ์ กล่าวว่า วายแอลจีมองแนวโน้มราคาทองคำ 1 เดือนข้างหน้า มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1,430-1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,000-21,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่หากมีเหตุสำคัญที่เข้ามาแทรกแซงตลาดที่อาจส่งผลให้เกิดแนวโน้มเชิงลบ จำเป็นต้องประเมินแนวรับสำคัญไว้ที่ 1,330-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,600-19,100 บาทต่อบาททองคำซึ่งนักลงทุนสามารถรอซื้อสะสมไป โดยหากราคาหลุด 1,285 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 18,800 บาทต่อบาททองคำ จำเป็นต้องชะลอการซื้อออกไปก่อน