กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--ไอแอม พีอาร์
“สสค.” ร่วมกับ “มูลนิธิร่มฉัตร” เดินหน้าขยายผลโครงการ “พัฒนาต้นแบบสาธิตชุมชนวัดไตรมิตรวิทยารามฯ” ลงสู่ระดับภูมิภาค เปิดศูนย์ศึกษาอาเซียนภาคกลาง ที่จังหวัดสมุทรสาคร นำ “บวรโมเดล” มาขยายผล ดึงเยาวชนและผู้ประกอบการในท้องถิ่นร่วมศึกษาเรียนรู้ภาษาพม่า เตรียมความของชุมชน “รู้เขา-รู้เรา” เพื่อก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558
สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับ มูลนิธิร่มฉัตร จัดทำ “โครงการการขยายผลชุมชนต้นแบบและการสื่อสารการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ต่อยอดความสำเร็จจาก “โครงการพัฒนาต้นแบบสาธิตชุมชนวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร” ภายใต้แนวทางการดำเนินงาน “บวรโมเดล” ดึงพลังความร่วมมือจากภาครัฐ ชุมชน สังคม และศาสนา สู่ความร่วมมือทั้งในมิติสังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ จับมือ “โรงเรียนเอกชัย” ตั้ง “ศูนย์ศึกษาอาเซียน จังหวัดสมุทรสาคร” ขึ้นเป็นแห่งแรกของภาคกลาง สร้างแหล่งเรียนรู้ชุมชนเพื่อเปิดประตูทำความรู้จักกับ 10 ประเทศอาเซียน
พระธรรมภาวนาวิกรม ประธานมูลนิธิร่มฉัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เปิดเผยว่า การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนนับเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะต้องเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ในการที่ทั้ง 10 ประเทศจะรวมกันเป็นหนึ่ง โดยโครงการที่ทางมูลนิธิร่มฉัตร และ สสค. ได้ร่วมกันดำเนินงานนั้น เป็นการนำ 2 ทฤษฎีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คือ “บ-ว-ร” และ “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” มาใช้ในการเตรียมความพร้อมกับให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมของชุมชนในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
“การเรียนรู้ภาษาเพื่อนบ้านสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในทุกๆ เรื่อง เพราะภาษาเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดการเชื่อมโยงในด้านต่างๆ ทั้ง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ชุมชน ศิลปวัฒนธรรม ของไทยและเพื่อนบ้าน และยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ซึ่งปัจจุบันทาง มูลนิธิร่มฉัตร ได้ร่วมกับ สสค. เตรียมความพร้อมของชุมชนโดยเริ่มต้นจากชุมชนเล็กๆ เริ่มต้นจากทีละหมู่บ้าน ก่อนที่จะขยายไปในระดับตำบล ระดับอำเภอ และจังหวัด โดยกระจายลงไปใน 4 ภูมิภาค เพื่อพัฒนาให้เกิดเป็นชุมชนต้นแบบของการขยายผลการดำเนินงานในพื้นที่” ประธานมูลนิธิร่มฉัตรกล่าว
ดร.อุบล เล่นวารี ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวถึงการดำเนินงานโครงการการขยายผลชุมชนต้นแบบฯ ว่า จัดทำขึ้นเพื่อขยายผลการดำเนินงานและความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับชุมชนต้นแบบวัดไตรมิตรฯ ออกไปสู่ระดับภูมิภาค เพื่อกระตุ้นและจุดประกายให้สังคมหรือชุมชนตื่นตัวในเรื่องของ AEC ด้วยการสร้างชุมชนต้นแบบขึ้นใน 4 ภาคประกอบไปด้วย ภาคเหนือ โรงเรียนบ้านแม่จัน จังหวัดเชียงราย, ภาคกลาง โรงเรียนเอกชัย จังหวัดสมุทรสาคร, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงเรียนเทศบาล 2 พิบูลวิทยาคาร จังหวัดอุบลราชธานี และภาคใต้ โรงเรียนบ้านน้ำกระจาย จังหวัดสงขลา
“เป้าหมายของการดำเนินโครงการนี้เพื่อให้เกิดการขยายผลแนวคิดและการดำเนินงานออกไปยังชุมชน ตำบล หรืออำเภออื่นๆ ในพื้นที่ของทั้ง 4 จังหวัด และต้องการที่จะจุดประกายให้ทุกภาคส่วนในชุมชนที่ประกอบด้วย ‘บ ว ร’ ช่วยกันคิด วางแผน และดำเนินการในการเตรียมความพร้อมของชุมชนตนเองในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ให้ครอบคลุมทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน จนสามารถเป็นตัวอย่างหรือต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่นๆ ในการนำไปใช้เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ ควบคู่กันไปอย่างยั่งยืนพร้อมกันทั้งประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีเป้าหมายที่แท้จริงของประชาคมอาเซียนก็คือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข” ดร.อุบล ระบุ
ดร.สมชัย ชวลิตธาดา ผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชัย จังหวัดสมุทรสาคร กล่าวถึงการเปิดศูนย์ศึกษาอาเซียนภาคกลางและประโยชน์ของการเรียนรู้ภาษาพม่าว่า ได้ก่อให้เกิดปรับเปลี่ยนเจตนคติและทัศนคติที่ดีของชุมชนที่มีต่อภาษาและแรงงานชาวพม่า โดยชุมชนสามารถใช้ภาษาพม่าเพื่อการสื่อสารได้ในเบื้องต้น ซึงส่งผลให้ชุมชนกับชาวพม่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ดีขึ้น และช่วยทำให้ชุมชนในพื้นที่เกิดความตื่นตัวในการที่จะเตรียมตัวรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
“ปัจจุบันนอกจากภาษาพม่าแล้ว ภาษาที่มีความจำเป็นของการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของจังหวัดสมุทรสาครก็คือภาษาลาว เพราะต่อไปในอนาคตแรงงานชาวลาวก็จะเพิ่มมากขึ้นในสมุทรสาครและอีกภาษาหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือภาษากัมพูชา เพราะตอนนี้เริ่มมีแรงงานชาวกัมพูชาเข้ามาในสมุทรสาครจำนวนมาก และที่สำคัญภาษาที่เราทิ้งไม่ได้แม้ว่าจะไม่ใช่ภาษาอาเซียนก็คือภาษาอังกฤษ เพราะเป็นภาษากลางที่ใช้กันทั่วโลก ซึ่งการเปิดประชาคมอาเซียนของทั้ง 10 ประเทศ จะทำให้การอยู่ร่วมกันของคนในกลุ่มประเทศอาเซียนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ตรงนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะว่าโครงการนี้เราได้มุ่งไปที่การปรับเปลี่ยนเจตนคติของคนในชุมชนใหม่ ให้เขามีเจตนคติที่ดีต่อแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติที่เข้ามาในจังหวัดสมุทรสาคร และยังทำให้ชุมชนเกิดความตื่นตัวในเรื่องของการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่สามารถขยายผลไปสู่การดำเนินการในเรื่องต่างๆ ได้ต่อไป” ผอ.สมชัย ระบุ
“เพราะภาษาเป็นเครื่องมือที่จะช่วยทำให้การพัฒนาเป็นหนึ่งเดียวกันของ 10 ประเทศอาเซียน เป็นไปได้ด้วยดีและประสบความสำเร็จ ดังนั้นเมื่อทุกคนในชุมชนมีความรู้ภาษาเพื่อนบ้าน ก็เกิดความเข้าใจในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เมื่อนั้นปัญหาความขัดแย้งในด้านต่างๆ ก็จะหมดไป สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศไทยเกิดความเข้มแข็ง พร้อมที่จะรองรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ เข้าถึง และสามารถพัฒนาประเทศไทยให้มีคุณภาพที่ดีในอาเซียน และนำประเทศไทยไปสู่เวทีโลกได้อย่างสง่างาม”พระธรรมภาวนาวิกรม กล่าวสรุป.