กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และมีแนวทางการบริหารงานที่ระมัดระวัง ตลอดจนการมีฐานเงินทุนขนาดใหญ่ และการได้รับการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ จากกลุ่มโนมูระ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงแผนการขยายสาขาในต่างจังหวัดโดยมีความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของธุรกิจหลักทรัพย์และแรงกดดันด้านอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายหลังการเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ค่อนข้างมากก็มีผลต่ออันดับเครดิตด้วยเช่นกัน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่ระมัดระวังและได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มโนมูระต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดให้แข็งแกร่งจากการขยายสาขา อีกทั้งจะยังคงไว้ซึ่งระบบจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อใช้ควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตจากการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์
บล. โนมูระ พัฒนสิน ก่อตั้งในปี 2513 ปัจจุบันมีกลุ่มโนมูระซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 38% นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ที่ได้จากการใช้ชื่อโนมูระแล้ว การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโนมูระยังช่วยให้บริษัทได้รับยอดการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ต่อเนื่องจากเครือข่ายของโนมูระทั่วโลกด้วย มูลค่าซื้อขายจากนักลงทุนต่างชาติเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 10% ของลูกค้านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทในกลุ่มยังมีความร่วมมือระหว่างกันในด้านงานวิจัยซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลงานวิจัยของบริษัทด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทำสัญญาให้บริการทางการเงินในด้านต่าง ๆ กับบริษัทหลายแห่งในกลุ่ม ซึ่งรายได้จากการให้บริการตามสัญญาเหล่านี้นับว่าเป็นสัดส่วนสำคัญของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของบริษัท
ก่อนหน้านี้บริษัทมีสำนักงานสาขาเพียงไม่กี่แห่งโดยสาขาทั้งหมดตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ แต่ในปี 2554 ที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกด้วยความร่วมมือกับ ธพว. ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของการขยายสาขาคือการดึงดูดเงินลงทุนจากนักลงทุนในต่างจังหวัดเพื่อขยายธุรกิจตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนของบริษัท ตลอดจนเป็นการขยายฐานลูกค้ารายย่อยในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งหวังที่จะมีโอกาสให้บริการด้านวาณิชธนกิจแก่ลูกค้าของ ธพว. ด้วย โดยกลยุทธ์ดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเห็นผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการขยายธุรกิจในครั้งนี้ แต่เนื่องจากต้นทุนในการเปิดสาขาใหม่และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีค่อนข้างต่ำ ความเสี่ยงที่บริษัทจะได้รับความเสียหายจากการขยายสาขาจึงมีไม่มาก
บริษัทมีประวัติผลงานที่ดีเยี่ยมในการควบคุมความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ กล่าวคือ แทบจะไม่มีความสูญเสียจากการให้สินเชื่อดังกล่าวเลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยอดการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะหลังนี้อาจเป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวังในแง่การบริหารจัดการความเสี่ยง ยอดการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.0 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 มาอยู่ที่ระดับ 4.9 พันล้านบาท ณ กลางปี 2556 โดยในช่วงต้นปี 2556 สูงขึ้นเกินกว่า 6 พันล้านบาท ยอดการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท ณ กลางปี 2556 นี้คิดเป็นกว่า 10% ของยอดการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ทั้งอุตสาหกรรม เทียบกับส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3% การขยายตัวของการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์นี้ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตในส่วนนี้ได้ต่อไปโดยใช้เกณฑ์การเรียกหลักประกันเพิ่มและการบังคับขายที่เข้มงวด รวมทั้งยังคงนโยบายการกำหนดเกณฑ์ของหลักประกันและการอนุมัติวงเงินที่เคร่งครัด
บริษัทมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนไม่มากนักเนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายการลงทุนเพื่อบัญชีของบริษัทในลักษณะเพื่อการเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม บริษัทเพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจบริการค้าตราสารหนี้ ซึ่งอาจทำให้มีความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคาของตราสารหนี้อยู่บ้าง
บริษัทได้ทำการเพิ่มทุนเป็นจำนวนเงิน 1,434 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในเดือนมิถุนายน 2556 ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มจาก 3.7 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 มาเป็น 5.3 พันล้านบาท ณ กลางปี 2556 ซึ่งทำให้บริษัทมีฐานทุนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ในอุตสาหกรรม บริษัทมีแผนจะใช้เงินเพิ่มทุนนี้เพื่อการขยายธุรกิจ เช่น การขยายสาขา ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริการค้าตราสารหนี้ การลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท บริษัทมีวงเงินสินเชื่อรวมที่สูงพอสมควรจากสถาบันการเงินหลายแห่งซึ่งเพียงพอที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจ รวมไปถึงตอบสนองต่อความต้องการสภาพคล่องในขณะใดขณะหนึ่งของบริษัทได้ บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่ออีก 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากบริษัทร่วมแห่งหนึ่งในกลุ่มโนมูระซึ่งบริษัทได้เบิกใช้ไปในเดือนมกราคม 2556 เพื่อขยายธุรกิจการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์
การเปิดเสรีค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมาได้ทำให้อัตราค่าธรรมเนียมทั้งอุตสาหกรรมลดลงอย่างต่อเนื่อง อัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทก็ลดลงเช่นกัน แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่เล็กน้อย บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไปและมีความสามารถในการทำกำไรในระดับที่เทียบเคียงได้กับคู่แข่งที่มีขนาดใกล้เคียงกัน สภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยได้ช่วยให้บริษัทมีกำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ที่ 277 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 73 ล้านบาท บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปในระดับที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2555 อยู่ที่ 61% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ 7% ตามที่ทางการกำหนด
บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (CNS)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable