ทียูเอฟลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ เดินหน้าพัฒนาสู่โครงสร้างองค์กรระดับโลก เพื่อความเข้มแข็งและเป้าหมายรายได้ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558

ข่าวทั่วไป Friday September 20, 2013 14:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทะเลแช่แข็งชั้นนำระดับโลก และผู้ผลิตแบรนด์ทูน่าบรรจุกระป๋องที่ใหญ่ที่สุดของโลก เดินหน้าลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ โดยเน้นที่โครงการต่างๆ พัฒนาพนักงานปัจจุบัน สร้างพนักงานและผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เดินหน้าพัฒนาสู่โครงสร้างองค์กรระดับโลก พร้อมบรรลุเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คือ รายได้ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2558 และ 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 และพัฒนาบุคลากรไทยให้มีความรู้ความสามารถในระดับโลก จากการที่ทียูเอฟเติบโตจากบริษัทคนไทยสู่บริษัทระดับโลก เป็นเจ้าของแบรนด์ต่างๆ คือ ซีเล็ค ฟิชโช และเบลลอตต้า ในไทย,Chicken of the Sea ในสหรัฐอเมริกา, John West ในสหราชอาณาจักร, Petit Navire และ Parmentier ในประเทศฝรั่งเศส, Mareblu ในประเทศอิตาลี และ Century ในประเทศจีน และด้วยจำนวนพนักงานกว่า 32,000 ตำแหน่งทั่วโลกทำให้ทียูเอฟมีขนาดขององค์กรที่ใหญ่ขึ้น ดังนั้นจำเป็นต้องมีการพัฒนาสู่โครงสร้างองค์กรระดับโลก หรือ Global Structure ที่มีศูนย์กลางการบริหารและการดำเนินงานอยู่ในประเทศไทย และสามารถนำไปใช้ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อให้ธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาสู่โครงสร้างองค์กรระดับโลกคือ การลงทุนและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทียูเอฟเดินหน้าดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คือพัฒนาธุรกิจในทุกๆ ด้านและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบที่มีคุณภาพ การสร้างแบรนด์ การทำตลาด และนวัตกรรม และการเดินหน้าไปสู่การพัฒนาปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมานั้น เราจำเป็นต้องสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเราให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน ตั้งแต่พนักงานในสายการผลิตจนถึงระดับผู้บริหารเปิดโอกาสให้พนักงานได้รับความก้าวหน้าในองค์กรอย่างมีคุณภาพและก้าวกระโดดกับโครงการส่งเสริมความรู้ความสามารถในหน้าที่การงาน ซึ่งแต่ละโครงการมีความชัดเจน และมีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากองค์กรอื่นๆ ที่สำคัญคือการพัฒนาบนพื้นฐานการทำงานระดับโลกเป็นหลัก แผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นี้เป็นลักษณะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้เวลาประมาณ 5 — 10 ปี” ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ทียูเอฟลงทุนในโปรแกรมต่างๆ อาทิโปรแกรมปรับพื้นฐานการทำงานให้กับพนักงานทุกคนที่เริ่มงานและประเมินผลเป็นระยะๆ โครงการ TUF Management Associate (MA) หรือโครงการฝึกผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาเป็นเวลา 2 ปี เพื่อไปประจำในออฟฟิศต่างๆทั่วโลก โครงการประกวดเมล็ดพันธุ์ คนสร้างสรรค์ หรือ Innovation Seeds Champion ที่สนับสนุนให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรมการผลิตที่นำมาใช้ได้จริงโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของพนักงานแต่ละคนและโครงการพัฒนาผู้บริหารรุ่นใหม่สู่เวทีโลก ที่ล่าสุด 3 ผู้บริหารรุ่นใหม่ของทียูเอฟจากประเทศไทยและฝรั่งเศสได้รับการตอบรับให้เข้าร่วมงานOne Young World Summit 2013ในเดือนตุลาคม 2556 ณ แอฟริกาใต้ เพื่อแบ่งปันความคิดและประสบการณ์ในการทำงาน แก่ผู้ร่วมงานหลายร้อยคนทั่วโลก นอกจากโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อเร็วๆ นี้ ทียูเอฟยังได้แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงถึง 3 ตำแหน่งที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดและกลยุทธ์ธุรกิจในระดับโลก คือประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ MW Brands ในยุโรป ผู้บริหารด้านการตลาดคนใหม่ของแบรนด์ Chicken of the Sea และผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจ ของทียูเอฟ เพื่อมาเสริมทีมบริหารงานให้เดินหน้าสู่เป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ “แม้ว่าในปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็งจะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ แต่ทียูเอฟกลับมองว่านี่คือโอกาสในวิกฤติที่ได้หันกลับมามองและทุ่มเทพัฒนาโครงสร้างภายในขององค์กรให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น สามารถดำเนินงานได้ในทุกสถานการณ์ เพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน” นายธีรพงศ์ จันศิริ กล่าวปิดท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ