กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--กรมป่าไม้
“ป่าไม้” เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและประโยชน์นานัปการ รวมทั้งมีความหลากหลายทางชีวภาพในตัวของป่าแต่ละชนิดเอง เป็นตัวแทนของธรรมชาติที่แสดงออกถึงความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าป่าไม้เป็นทั้งผู้ให้และผู้คุ้มครองซึ่งดำรงรักษาไว้ซึ่งความหลากหลาย ทางระบบนิเวศน์ รักษาแหล่งต้นน้ำลำธาร รักษาผืนดินมิให้ถูกชะล้าง เป็นแหล่งพลังงานแก่ประชาชนจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของโลก ถ้าเราไม่มีป่าไม้ โลกของเราคงแห้งแล้ง ส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอย่างมาก วันนี้ประเทศไทยกำลังจะสูญเสียมรดกจากธรรมชาติชนิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว จนไม่อาจฟื้นฟูได้ทัน หากอัตราการใช้ รวมถึงการบุกรุก การถูกทำลายยังคงเป็นเหมือนเช่นทุกวันนี้
นายประลอง ดำรงค์ไทย ผู้อำนวยการสำนักการจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม เปิดเผยว่า ยอมรับว่าอดีตที่ผ่านมาสภาพป่ามีจำนวนลดลง ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ป่าตามสถิติป่าไม้ปี 2551 โดยประมาณ 33 เปอร์เซ็นของพื้นที่ประเทศ แต่จากสถานการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทรัพยากรป่าไม้มีแนวโน้มที่จะคงที่และมีอัตราพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากนโยบายต่าง ๆ ที่ภาครัฐได้มีมาตรการในการดูแลรักษาป่าและเพิ่มพื้นที่ สีเขียว รวมทั้งการได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากภาคประชาชน และภาคเอกชนภายใต้โครงการ CSR รวมถึงปัจจุบันนโยบายของนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ความรับผิดชอบของนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ ที่พยายามให้ทางกรมป่าไม้เพิ่มมาตรการต่างๆ ในเรื่องการรักษาป่า โดยเฉพาะป่าเดิมที่ต้องรักษาป่าให้คงอยู่ไว้ให้ได้มากที่สุดและเพิ่มป่าใหม่
“โครงการป่าชุมชนของกรมป่าไม้นับว่า เป็นโครงการหนึ่งที่สนับสนุนให้ชุมชนที่อยู่ใกล้ๆ พื้นที่ป่าช่วยกันอนุรักษ์ รักษา และหวงแหนผืนป่าของตนเอง ให้คงอยู่และเพิ่มขึ้น โดยจะมีกิจกรรมส่งเสริมเกี่ยวกับการบริหารจัดการป่าชุมชน อาทิเช่น การปลูกเสริมพืชป่า อาหารชุมชน (Food Bank) การป้องกันรักษาป่าและไฟป่า การตระเวนดูแลป่า รวมทั้งการสร้างจิตสำนึกของชุมชนและเยาวชนในการดูแลรักษาป่าอีกด้วย ซึ่งทางภาครัฐและเอกชนจะคอยสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุน อุปกรณ์ หรือส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปคอยให้ความรู้ คำแนะนำเกี่ยวกับป่าไม้ จนชุมชนสามารถดูแลรักษาป่าได้ด้วยชุมชนเอง โครงการดังกล่าวไม่เพียงจะช่วยให้มีผืนป่าเพิ่มขึ้นเท่านั้น ยังส่งผลให้เกิดแหล่งน้ำและความหลากหลายทางด้านทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มขึ้นด้วย แต่งบประมาณจากทางภาครัฐมีอยู่อย่างจำกัด กรมป่าไม้จึงได้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชน เข้าร่วมอุดหนุนและส่งเสริมและสนับสนุน รวมถึงมีส่วนร่วมกับชาวบ้านเพื่อให้สามารถอยู่กับป่า ใช้ประโยชน์จากป่า และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยการใช้ประโยชน์จากป่า และไม่บุกรุกตัดไม้ทำลายป่า จากการที่กรมป่าไม้ได้จัดทำโครงการป่าชุมชนนี้ขึ้นมา ขณะนี้เราได้จัดตั้งแล้ว 8,782 แห่ง หรือมีพื้นที่ประมาณ 3.5 ล้านไร่ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยทางกรมป่าไม้ได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 21,850 แห่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป ถ้าพวกเราทุกฝ่ายร่วมมือช่วยกัน ป่าไม้ของประเทศไทยจะได้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง”
ทั้งนี้ หน่วยงาน องค์กร สนใจอยากจะเข้าร่วมโครงการป่าชุมชน สำนักจัดการป่าชุมชนและกรมป่าไม้ยินดีและพร้อมที่จะร่วมมือทันที ท่านสามารถโทรติดต่อสอบถามได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 025795476 หรือ 0899691584 เพราะผืนป่าของประเทศไทยเป็นของทุก ๆ คน ถึงเวลาเราต้องร่วมมือรักษาให้ผืนแผ่นดินยังคงอยู่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ และสมดุล ธรรมชาติก็จะเกื้อหนุนเราให้อยู่อย่างมีสุขตลอดไป