กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--IR network
“นุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ” บิ๊กบอสแห่ง บมจ.บางกอก เดค-คอน หรือ BKD พกความมั่นใจพาหุ้น BKD เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) วันที่ 25 กันยายนนี้ จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างอบอุ่น เหตุมีปัจจัยพื้นฐานที่แน่นปึ๊กเป็นแรงหนุน และธุรกิจยังเติบโตควบคู่กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย เผยวางเป้าหมายสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศ ด้านอันเดอร์ไรท์ ประสานเสียงกับที่ปรึกษาทางการเงิน ระบุกระแสความต้องการหุ้นล้นหลามในช่วงเปิดขายไอพีโอ รวมทั้งการกำหนดราคาไอพีโอเหมาะสม ทำให้มั่นใจว่าเทรดวันแรกจะได้รับการตอบรับที่ดีและสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้อย่างแน่นอน
นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ กรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด(มหาชน) หรือ BKD มีความเชื่อมั่นว่าเมื่อหุ้น BKD ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 25 กันยายน 2556) คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากกระแสตอบรับในช่วงเปิดขายหุ้นไอพีโอระหว่างวันที่ 16-18 กันยายน ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนักลงทุนเล็งเห็นถึงศักยภาพในการประกอบธุรกิจที่ผ่านมาของ BKD ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นปีละ 15%
สำหรับผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ BKD มีกำไรสุทธิถึง 32.51 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 290.05 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะยังเดินหน้ารุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ และเพื่อผลักดันให้ผลประกอบการปี 2556 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศไทย
“ขอให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าผู้บริหารและพนักงานของเราทุกคน มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยกันผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง และหลังจากที่ได้เงินจากการระดมทุนเข้ามา จะทำให้ BKD มีศักยภาพและความแข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของการดำเนินธุรกิจและฐานะทางการเงิน และสามารถสนองตอบต่อการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยายตัว ซึ่งคาดว่า BKD จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้" นางนุชนารถ กล่าว
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.บางกอก เดค-คอน คาดว่าเมื่อ BKD เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประสบความสำเร็จและให้ผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากมีการกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน โดยราคาเสนอขายในครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ที่ 11.54 เท่า คำนวณจากกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จของบริษัท 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 ถึง 30 มิถุนายน 2556 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้รวม 700,000,000 หุ้น จะได้กำไรสุทธิที่เท่ากับ 0.13 บาทต่อหุ้น โดย P/E Ratio ที่เสนอขายคิดเป็นส่วนลดร้อยละ 36.35 จาก P/E Ratio เฉลี่ยของ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MODERN) และ ส่วนลดร้อยละ 24.53 จากค่า P/E Ratio เฉลี่ย ของบริษัท สยามสตีล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (SIAM) ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นผู้ประกอบการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคิดเป็นส่วนลดร้อยละ 54.10 จากค่า P/E Ratio เฉลี่ย ของบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่จดทะเบียนอยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วงระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2556 จนถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2556
นอกจากนี้ BKD เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงการ ดำเนินงานอยู่ในสายงานให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในอาคารมาเกือบ 30 ปี ทำให้บริษัทมีความชี่ยวชาญพิเศษ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจำนวนมาก ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง การกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสม จะทำให้หุ้น BKD จะได้รับความเชื่อมั่นและสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนทั้งกับผู้ที่จองซื้อหุ้น IPO และผู้ที่เข้ามาลงทุนหลังจากที่หุ้นเข้าซื้อขายไปแล้ว
ด้านนายชัยนรินทร์ สายรังษี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกซิตี้ แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.บางกอก เดค-คอน ว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก ด้วยธุรกิจที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานเกือบ 30 ปี อีกทั้งผลการเปิดให้จองซื้อหุ้นในช่วงที่ผ่านมาพบว่าได้รับการตอบรับดีมาก ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่าเมื่อหุ้น BKD เข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนและให้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจให้กับผู้ลงทุน สำหรับเม็ดเงินที่ “บางกอก เดค-คอน” ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จำนวนประมาณ 270 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นเป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง และสามารถเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยายตัวอยู่ในปัจจุบัน