กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
เจ็ทสตาร์ ในเครือแควนตัส กรุ๊ป เผยผลประกอบการสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555/2556 โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีคิดเป็น 138 ล้านเหรียญออสเตรเลีย
มร.อลัน จอยซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แควนตัส กรุ๊ป กล่าวว่า “เจ็ทสตาร์ยังคงสร้างผลกำไรอย่างโดดเด่นให้แก่แควนตัส กรุ๊ปมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์การเติบโตแบบสองแบรนด์และการสร้างรายได้จากบริการเสริมต่างๆ ขณะเดียวกัน เรามุ่งเน้นพัฒนาเจ็ทสตาร์ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและขึ้นแท่นแบรนด์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้งต่อไปในอนาคต”
“ปีงบประมาณ 2556 เป็นปีที่เจ็ทสตาร์ได้ให้บริการผู้โดยสารครบ 100 ล้านคน และมีเครื่องบินครบ 100 ลำในฝูงบิน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอันโดดเด่นของเจ็ทสตาร์ที่เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา นอกจากนี้เจ็ทสตาร์ยังได้รับเลือกให้เป็นสายการบินต้นทุนต่ำดีเด่นของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และสายการบินยอดเยี่ยมอันดับ 2 ของโลก สำหรับในปีงบประมาณ 2556 เจ็ทสตาร์ยังคงสร้างความสำเร็จด้านการมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าของทุกสายการบินในเครือของเจ็ทสตาร์ กรุ๊ปรวมทั้งสร้างสถิติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในหลากหลายด้าน” มร.จอยซ์ กล่าว
“เจ็ทสตาร์ เจแปน คือ อีกหนึ่งความสำเร็จดังกล่าว โดยมีการดำเนินงานอย่างเปี่ยมประสิทธิภาพจนทำให้มียอดการให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 2 ล้านคนนับตั้งแต่เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 เป็นต้นมา และมีฝูงบินขยายเพิ่มขึ้นเป็น 13 ลำภายในระยะเวลาเพียง 13 เดือน ทั้งยังเป็นหนึ่งในสายการบินภายใต้เครือข่ายการบินของเจ็ทสตาร์ที่ได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าสูงสุด เจ็ทสตาร์ เจแปนมีศักยภาพการเติบโตอีกมาก
โดยธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำในญี่ปุ่นมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 5 ของตลาดการบินญี่ปุ่นโดยรวมที่มีขนาดใหญ่กว่าตลาดการบินของออสเตรเลียถึง 6 เท่า นอกจากนี้ การผนวกรวมกิจการของสายการบินรายอื่นๆ ในตลาดยังก่อให้เกิดผลดีต่อเจ็ทสตาร์อีกด้วย” มร.จอยซ์ กล่าวเสริม
“ปัจจุบัน เจ็ทสตาร์อยู่ในระหว่างดำเนินการขออนุมัติตามระเบียบข้อบังคับทางการบินเพื่อเปิดสายการบินเจ็ทสตาร์ ฮ่องกง ซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่รวม 3 ราย ได้แก่ แควนตัส กรุ๊ป ไชน่า อีสเทิร์น และบริษัท ฉาน ทัค โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ล่าสุดที่เข้าร่วมลงทุนในเดือนมิถุนายน 2556 และคาดว่า จะได้รับการอนุมัติภายในปลายปี 2556 นี้ และเมื่อเดือนที่ผ่านมา เจ็ทสตาร์ ฮ่องกงประสบความสำเร็จอีกขั้น โดยได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสำนักจดทะเบียนบริการขนส่งทางอากาศของฮ่องกง (Hong Kong’s Air Transport Licensing Authority) นอกจากนี้ ด้วยการประสานการทำงานร่วมกันระหว่างสายการบินต่างๆ ในเครือของเจ็ทสตาร์ที่ได้รับการรับรองจาก The Australian Competition and Consumer Commission (ACCC) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เจ็ทสตาร์เดินหน้าขยายการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสร้างความสำเร็จในระยะยาวต่อไปในอนาคต” มร.จอยซ์ กล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ เจ็ทสตาร์สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องทุกปีนับตั้งแต่เปิดดำเนินการเป็นต้นมา ทั้งยังได้รับรางวัลสายการบินต้นทุนต่ำที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และสามารถรักษาแต้มต่อในการทำกำไรไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยเจ็ทสตาร์มีรายได้จากบริการเสริมต่อผู้โดยสาร 1 คนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (สูงถึงร้อยละ 5) และมีต้นทุนต่อหน่วยลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับเจ็ทสตาร์ เอเชียยังคงครองความเป็นสายการบินชั้นนำอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนผู้โดยสารในตลาดเอเชียที่มีการแข่งขันสูงเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และสามารถสร้างผลกำไรที่โดดเด่นติดต่อกันเป็นปีที่ 2 นอกจากนี้การพัฒนาฝูงบินให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นทำให้เจ็ทสตาร์ แปซิฟิกสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหารฝูงบิน โดยมีต้นทุนต่อหน่วยลดลง ปัจจุบัน ฝูงบินของเจ็ทสตาร์ แปซิฟิกมีอายุเฉลี่ย 8 ปีและมีเครื่องบินแอร์บัส เอ320-200 รวมทั้งหมด 5 ลำ และมีแผนขยายฝูงบินเพิ่มขึ้นเป็น 15 ลำ ในปีงบประมาณ 2559/2560 เจ็ทสตาร์เป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ให้บริการด้วยเครื่องบินโบอิ้งดรีมไลเนอร์ บี787-8 โดยเตรียมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ด้วยเครื่องบินลำดังกล่าวในปลายปี 2556 ปัจจุบันสายการบินในเครือเจ็ทสตาร์ กรุ๊ปให้บริการด้วยเครื่องบินเอ320-200 ที่ติดตั้งระบบชาร์คเล็ตเพื่อช่วยประหยัดพลังงานรวมทั้งสิ้น 7 ลำ