กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--คิธ แอนด์ คินฯ
หากมองหาแหล่งเรียนรู้สักแห่งที่สามารถให้ความรู้ได้อย่างหลากหลายและเป็นรูปธรรม “สวนมิ่งมงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา” ที่สร้างขึ้นจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือปูนอินทรี นับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่บรรยากาศสวยงามเท่านั้น แต่เต็มไปด้วยแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมที่จะให้บุคคลทั่วไปได้มาสัมผัสและเรียนรู้สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัย การนำพลังงานทดแทนมาใช้ในสวน รวมถึงการศึกษาพรรณไม้ที่หาดูได้ยาก
ด้วยความหลากหลายของสวนมิ่งมงคลฯ นี้เอง จึงทำให้ คณะครูและนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กว่า 800 ชีวิต เดินทางเข้ามาเยี่ยมชม พร้อมทั้งทำกิจกรรมเสริมความรู้ในด้านต่างๆ ตามแหล่งเรียนรู้ที่ทางปูนอินทรีได้จัดเตรียมไว้อาทิ กิจกรรมหาพรรณไม้ภายในสวน เป็นต้น ซึ่งก็สร้างความสนุกสนานให้แก่นักเรียนเป็นอย่างมาก
นายจักรี แสงดี ครู โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กล่าวว่า การนำนักเรียนกว่า 800 คนแวะเยี่ยมชมสวนสาธารณะมิ่งมงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่น่าสนใจและมีความหลากหลายในการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังให้นักเรียนได้เกิดแนวคิดด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน การอนุรักษ์พลังงาน และการสร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนสนใจในการศึกษาต่อในด้านวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมอีกด้วย
เมื่อน้องๆนักเรียนเดินมาถึงได้แยกย้ายไปศึกษาตามแหล่งเรียนรู้ต่างๆ โดยมีทีมพี่ๆจากปูนอินทรีคอยให้ความรู้ ซึ่งแหล่งเรียนรู้ภายในสวนมิ่งมงคลฯ สามารถจำแนกหลักๆได้ดังนี้
แหล่งศึกษางานสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีการก่อสร้าง น้องๆนักเรียนได้เรียนรู้เรื่องของการออกแบบสวนสไตล์ English garden และจุดสำคัญคืออาคารเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสวนมิ่งมงคลฯ ที่ตั้งตระหง่านสูง 12 เมตรและมีภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว สูง 5 เมตร ประดิษฐานอยู่ภายในหอซึ่งจัดเป็นนิทรรศการถาวรแสดงภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งอาคารดังกล่าวออกแบบได้อย่างทันสมัย และเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงการใช้วัสดุก่อสร้างในสวนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น INSEE Thrucrete บนทางเดินเพื่อช่วยลดปัญหาน้ำท่วมขัง, Vertical Block สำหรับจัดสวนแนวตั้ง และผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ธรรมชาติคอนวูด เพื่อนำมาตกแต่งให้สวยงาม
แหล่งศึกษาธรรมชาติและพรรณไม้ ภายในสวนมีต้นไม้นานาสายพันธุ์ที่ให้ความร่มรื่นสวยงามกว่า 30 ชนิดพันธุ์ รวมทั้งสิ้นกว่า 400 ต้น อีกทั้งยังได้ความรู้เรื่องของพรรณไม้แต่ละประเภท เช่น สุพรรณิการ์, หางนกยูง, เสลา, กล้วยไม้ดิน, พวงทองต้น และ เฟิร์นฮาวาย เป็นต้น
แหล่งศึกษาพลังงานทางเลือก สวนมิ่งมงคลฯ มีแนวทางการออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และเลือกใช้พลังงานทดแทนจากธรรมชาติทั้งน้ำ ลม และแสงอาทิตย์ โดยมีกังหันลมขนาดใหญ่ 9 ตัวและแผงโซลาเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ภายในสวน
แหล่งศึกษาวิถีชีวิตชุมชน ปูนอินทรีมีแนวคิดต่อยอดช่วยเหลือชุมชนให้เป็นรูปธรรม โดยการเปิดโอกาสให้คนในชุมชนท้องถิ่นสามารถนำสินค้าของชุมชนมาจำหน่ายได้ อาทิ กระเป๋าใยสับปะรด , กระชายสมุนไพรเพื่อสุขภาพ “ป้าเข็ม” , ถั่วทอดใจดี ถั่วทอดสมุนไพร และเห็ดเออรินจิ
เด็กชายภูดิศ ประวีณเมธ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) บอกว่า นอกจากจะได้บรรยากาศที่ร่มรื่นสวยงามแล้วยังได้ความรู้ทั้งเรื่องการใช้พลังงานทางเลือก และได้เรียนรู้การออกแบบสวน การสร้างบ้าน ด้วยวัสดุทดแทนไม้ธรรมชาติที่ไม่ต้องทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างไม้คอนวูด ซึ่งหากอนาคตได้ประกอบธุรกิจส่วนตัวหรือทำงานในหน่วยงานใดๆก็ตามจะนำแนวคิดการรักษาสิ่งแวดล้อมและดูแลสังคมไปปรับใช้
ทางด้านนางสาวจันทนา สุขุมานนท์ ที่ปรึกษา บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปูนอินทรีได้ใช้พื้นที่ริมถนนมิตรภาพขาเข้า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี กว่า 22 ไร่ เพื่อสร้างสวนสาธารณะให้แก่ชาวสระบุรีได้ใช้ประโยชน์รวมถึงผู้ใช้ทางที่เดินทางมุ่งหน้าสู่ภาคอีสานหรือเดินทางท่องเที่ยวเขาใหญ่ ซึ่งแนวคิดการสร้างสวนมิ่งมงคลฯนั้นไม่ได้สร้างเพื่อเป็นที่สำหรับพักผ่อนเท่านั้น แต่ต้องการสื่อให้เห็นแนวทางการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนของปูนอินทรี ซึ่งทางปูนอินทรีก็พร้อมที่จะให้การต้อนรับและมอบความรู้ให้แก่หน่วยงานต่างๆที่ต้องการเข้าเยี่ยมชมทั้งภาครัฐและเอกชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
หากเดินทางมาเที่ยวเขาใหญ่ หรือผ่านเส้นทางถนนมิตรภาพ กิโลเมตรที่ 125 จ.สระบุรี และต้องการหาจุดแวะพักที่ไหนสักที่ สำหรับนั่งจิบชา กาแฟ เข้าห้องน้ำสวยสะอาด ชมสวนที่มีบรรยากาศร่มรื่นสวยงาม และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านสถาปัตยกรรม ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงวิถีชีวิตชุมชน สามารถหาคำตอบได้ที่นี่ “สวนมิ่งมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา”