กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผนึกกำลังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จัดทำทำสำมะโนการเกษตร หวังได้ฐานข้อมูลสำหรับนำไปวางแผน กำหนดนโยบาย และติดตามประเมินผลการพัฒนาด้านการเกษตรของประเทศ
นาวาเอก อนุดิษฐ์ นาคาทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันแถลงข่าว “ผลการทำสำมะโนการเกษตร พ.ศ. 2556” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ว่า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดเก็บข้อมูลสำมะโนการเกษตร พ.ศ. 2556 เพื่อให้ทราบโครงสร้างพื้นฐานของการเกษตรและการเปลี่ยนแปลงในรอบ 10 ปี สำหรับนำไปวางแผน กำหนดนโยบาย และติดตามประเมินผลการพัฒนาด้านการเกษตรของประเทศ
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ มีภารกิจที่ต้องดำเนินการตามกรอบนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาภาคการเกษตร ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ๆ คือ 1) การพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร โดยการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ จัดตั้งและพัฒนาอาสาสมัครเกษตรกรหมู่บ้าน จัดทำสมุดทะเบียนครัวเรือนเกษตรกรด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประกันความมั่นคงให้เกษตรกรในกองทุนสวัสดิการชาวนา พัฒนาธุรกิจสถาบันเกษตร ฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรซึ่งพักชำระหนี้สนับสนุนสภาเกษตรกรแห่งชาติ และเผยแพร่ความรู้ภาคการเกษตร 2) การพัฒนาการผลิต ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ให้ความสำคัญกับมาตรฐานสินค้าเพื่อความปลอดภัยต่อการบริโภค ส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต และปรับระบบการผลิตให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เป็นต้น และ 3) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยสนับสนุน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ การขยายพื้นที่ชลประทาน การจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง และการจัดทำระบบเตือนภัยด้านการเกษตร ทั้งในเรื่องอุทกภัย ภัยแล้ง แมลงศัตรูพืช และการคุ้มครองที่ดินเพื่อการเกษตร
นายวราเทพ รัตนากร กล่าวอีกว่า การดำเนินงานเพื่อให้บรรลุภารกิจต่างๆ ดังกล่าว กระทรวงเกษตรฯ จำเป็นต้องใช้ฐานข้อมูลสถิติ/สารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะจากการจัดทำสำมะโนการเกษตร ซึ่งเป็นต้นน้ำของฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นองค์ประกอบในการวางแผนการจัดทำโครงการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ซึ่งดำเนินการไปแล้วว่าบรรลุวัตถุประสงค์ตามกรอบที่รัฐบาลกำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งต้องขอบคุณกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัย คือ Tablet มาใช้ในการจัดเก็บและบันทึกข้อมูล ทำให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ ทันสมัย ในฐานะผู้ใช้ข้อมูล จึงรู้สึกเชื่อมั่นในผลลัพธ์ของการจัดทำโครงการสำมะโนการเกษตรครั้งนี้ และจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการวางแผน เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาหนี้สิน ปัญหาแหล่งน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก และปัญหาด้านคุณภาพและปริมาณผลผลิต เป็นต้น
ซึ่งจากการทำสำมะโนการเกษตรเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ถือครองทำการเกษตร 5.9 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 25.9 ของครัวเรือนทั้งประเทศ และมีเนื้อที่ถือครองทำการเกษตรทั้งสิ้น 114.6 ล้านไร่ โดยมีเนื้อที่ถือครองเฉลี่ย 19.4 ไร่ต่อราย โดย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้ถือครองและเนื้อที่ถือครองทำการเกษตรมากที่สุด คือ 2.7 ล้านราย และ 53.5 ล้านไร่ ตามลำดับ รองลงมาคือภาคเหนือ 1.3 ล้านราย และ 27.1 ล้านไร่ ภาคใต้ 10 ล้านราย และ 14.7 ล้านไร่ ส่วนภาคกลางมีผู้ถือครองทำการเกษตรน้อยที่สุด 0.9 ล้านราย และมีเนื้อที่ถือครอง 19.3 ล้านไร่ โดยจังหวัดที่มีผู้ถือครองทำการเกษตรมากที่สุด 10 อันดับ คือ นครราชสีมา รองลงมาคือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช สุรินทร์ ร้อยเอ็ด สกลนคร บุรีรัมย์ และอุดรธานี ตามลำดับ โดย 3 จังหวัดแรก มีผู้ถือครองทำการเกษตรเกิน 2 แสนราย ทั้งนี้ เนื้อที่ถือครองทำการเกษตรเกินกว่าครึ่งเป็นที่ปลูกข้าว รองลงมาคือปลูกพืชไร่ และยางพารา และพบว่าในช่วงปี 2536 - 2556 มีจำนวนผู้ถือครองที่ปลูกข้าวลดลงจาก 4.2 ล้านราย เหลือ 3.8 ล้านราย ในขณะที่เนื้อที่เพาะปลูกข้าวเพิ่มขึ้นจาก 67.4 ล้านไร่ เป็น 72.8 ล้านไร่ อีกทั้งผู้ถือครองทำการเกษตรมีรายได้จากผลผลิตทางการเกษตรตั้งแต่ 100,001 บาทขึ้นไปมากที่สุด คือ ร้อยละ 28.6 และร้อยละ 42.9 มีหนี้สิน โดยเป็นหนี้สินเพื่อการเกษตร ร้อยละ 36.9 โดยคิดเป็นหนี้สินเฉลี่ย 124,604 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่กู้จาก ธ.ก.ส.