กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,324 เหรียญ/ออนซ์และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ1,333 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.39 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,600 บาท กับ 19,700 บาท และกลับมาปิดที่ 19,550 บาท กับ 19,650 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,043 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,635 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.7% แบบ 10 บาท ลดลง 1 % GFV13 ปิด 19,880 บาท และGFZ13 ปิด 19,950 บาท GF10V13 ปิด 19,870 บาท GF10Z13 ปิด 19,940 บาท
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 19.9 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,336.2 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 30 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 21.886 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 909.59 ตัน (คงทองเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 47 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 102.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 61.33 จุด ปิดที่ 15,273.26 จุด
ข่าวที่สำคัญ
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันแรกในรอบสี่วันในช่วงปลายตลาด COMEX ทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,338 เหรียญโดยประมาณ จากการทำ Short Covering ที่เพิ่มขึ้น การเข้าเก็งกำไรและการรีบาวน์กลับในทางเทคนิคหลังจากเกิดการเทขายล่าสุด ประกอบกับประเด็นการคลังสหรัฐก็มีส่วนสนับสนุนราคาทองคำ
ประธาน World Gold Council คนใหม่ระบุว่า กลุ่มประเทศในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอินเดียและจีนเป็นส่วนช่วยพยุงตลาดทองคำมากกว่าครึ่ง และเขาคาดหวังว่า ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะเข้าซื้อทองคำเพื่อกระจายทุนสำรองเงินสด
ข้อมูลจาก World Gold Council ระบุว่า ปริมาณความต้องการทองคำในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 58% สู่ระดับ 26.6 ตันในชวงไตรมาสที่ 2 ซึ่งไทยเป็นประเทศอันดับสามของเอเชียรองจากอินเดียและจีน
ดอยซ์ แบงก์ ระบุเมื่อวานนี้ว่า การตัดสินใจของเฟดในการไม่ลด QE ช่วยสนับสนุนราคาทองคำ และจะช่วยสร้างฐานที่แข็งแกร่งสำหรับทองคำ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศเมื่อวานออกมาผสมกันทั้งดีและไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข Durable Goods Orders และยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิมทำจุดสูงสุดในรอบหลายเดือน อย่างไรก็ตาม Core Durable Goods Orders และ New Home Sales ออกมาต่ำกว่าที่คาด
ประเด็นงบประมาณและเพดานหนี้สหรัฐกำลังเข้าสู่ความสนใจอันดับต้นๆ ของตลาด และมีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐมีโอกาสต้องหยุดปฏิบัติงานชั่วคราวหากไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณได้ ประกอบกับช่วงกลางเดือนตุลาคมจะเป็นช่วงที่สหรัฐจะเผชิญกับเพดานหนี้
รัฐมนตรีคลังสหรัฐระบุเมื่อวานนี้ว่า เป็นย่างก้าวที่เร่งด่วนสำหรับการรักษารัฐบาลสหรัฐไม่ให้เผชิญกับเพดานหนี้ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งทางกระทรวงการคลังจะต้องมีเงินประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อชำระหนี้
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าปัญหาด้านการคลังของสหรัฐอาจจะนำไปสู่การปิดหน่วยงานของรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลดลงเช้านี้ เหตุวิตกการคลังสหรัฐ และได้รับแรงกดดันจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- Core Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.8% ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ -0.1%
- Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -7.4% ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้น อยู่ที่ระดับ 0.1%
- New Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 390K ตัวเลขจริงออกมา เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 421K
- Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -4.4M ตัวเลขจริงออกมา เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2.6M
ตัวเลขที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้
- Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 309K ตัวเลขที่คาดการณ์เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 319K
- Final GDP q/q ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 2.5% ตัวเลขที่คาดการณ์เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2.7%
- Pending Home Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -1.3% ตัวเลขที่คาดการณ์เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ -0.9%
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,310 — 1,335 เหรียญ โดยที่ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวานนี้โดยส่วนใหญ่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ดีเพิ่มขึ้นจากตัวเลขเดิมทั้งหมด ในขณะที่ตลาดเริ่มมีความกังวลปัญหาเรื่อง Debt Ceiling หรือเพดานหนี้ ซึ่งจะเริ่มมากระทบกับตลาดการเงินของสหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ไข ณ ขณะนี้ โดยที่เมื่อวาน SPDR ไม่ได้ทำอะไร และราคาทองคำก็แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบและมีการดีดตัวขึ้นในช่วงปลายตลาด
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ Sideways ระหว่าง 1,300 — 1,335 เหรียญในกรอบแคบ เช่นเดียวกับค่าเงินบาทที่แกว่งตัวในกรอบแคบเช่นเดียวกัน ยังคาดว่าราคาทองคำคงจะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบเช่นนี้ต่อไป จนกว่าจะรอดูข่าวตัวเลขเศรษฐกิจใหม่รวมทั้งการแก้ไขปัญหา Debt Ceiling ในเชิงเทคนิคราคาทองคำจะมีแนวรับที่ระดับ 1,300 เหรียญ และมีแนวต้านที่ระดับ 1,335 เหรียญ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
เก็งกำไรในกรอบแคบ ซึ่งช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงที่ราคารอรับข่าวใหม่ๆ
- นักลงทุนที่ถือ Long Position และนักลงทุนที่ถือ Short Position
ปรับสมดุลในการทำกำไรและรอเก็งกำไรในกรอบแคบเท่านั้น
Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,780 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,980 บาท
Gold Futures Z13 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,050 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง