กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--เวิรฟ
หนุ่มสาวสมัยใหม่ ต้องเผชิญกับความเครียด มลภาวะ และไลฟ์สไตล์ที่ชอบปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนๆ ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอจนเป็นสาเหตุหลักของปัญหาสุขภาพผิวพรรณ และคงไม่ดีแน่ๆหากตื่นนอนในยามเช้าแล้วพบว่า “ริ้วรอยแห่งวัย” มาเยือนอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันได้ตั้งตัวซึ่งทางที่ดีที่สุดเราควรบาลานซ์ชีวิต เรียนรู้การดูแลตัวเอง ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและที่สำคัญต้องรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะ “มะเขือเทศ”ผักมหัศจรรย์สีแดงสดใสที่อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าที่คุณรู้จักเพื่อป้องกัน ต่อต้านและลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เป็นบ่อเกิดของปัญหาริ้วรอย
สถาบันวิจัยและพัฒนาคาโกเมะแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้นำเสนอผลวิจัยที่สร้างความมหัศจรรย์ให้กับผู้บริโภคทั่วโลก โดยระบุว่า “มะเขือเทศหนึ่งผลสามารถให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน แร่ธาตุ วิตามิน และยังอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากสารสีแดงในมะเขือเทศ อย่าง “เบต้าแคโรทีน” ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบมากในมะเขือเทศ และผลไม้ที่ให้สารสีแดง สีส้ม และเหลือง ซึ่งปัจจุบันได้ค้นพบสารสีแดงชนิดใหม่ที่เรียกว่า “ไลโคปีน — Lycopene” สารธรรมชาติที่มะเขือเทศสร้างขึ้นเองทำหน้าที่เป็นเนื้อเยื่อสำคัญในการห่อหุ้มและป้องกันเมล็ดของมะเขือเทศต่อความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่รุนแรง เพื่อให้ต้นอ่อนได้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ซึ่งมีประสิทธิภาพที่สำคัญและจำเป็นแก่ร่างกายทั้งการต่อต้านอนุมูลอิสระเพิ่มความงามให้ผิวพรรณและป้องกันโรคร้ายต่างๆ
“ไลโคปีน — Lycopene” ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอีถึง100 เท่า
มร. ทาคุจิ ชิราซาว่า อาจารย์ประจำหลักสูตรเวชศาสตร์การชะลอวัย หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยจุนเทนโด กล่าวว่า “รังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (UV) นับเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวหนังเป็นที่มาของสาเหตุหลักๆ กว่า 80% ที่ทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวเกิดการแตกตัว เสื่อมสภาพ และลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วเป็นเหตุให้ผิวหนังเกิดความเหี่ยวย่นและมีริ้วรอย ซึ่งทางลัดสู่ผิวสวยที่ไม่ต้องเจ็บตัวและเสียเวลา แถมทำได้ง่ายๆ เพียงเลือกรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายและผิวได้รับสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่าง “ไลโคปีน”ที่อุดมอยู่ในผลไม้กลุ่มมะเขือเทศ แตงโม และพิงค์เกรปฟรุตโดยจากการศึกษาและวิจัยพบว่า “ไลโคปีน”มีประสิทธิภาพอันทรงพลังในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินอีถึง100 เท่าในปริมาณที่เท่ากัน โดย“ไลโคปีน” จะทำงานร่วมกับออกซิเจนในกระแสเลือดเพื่อจับสารอนุมูลอิสระและขับออกจากร่างกายพร้อมทำหน้าที่เติมน้ำและความชุ่มชื้นเสมือนเป็นการสร้างเกราะป้องกันให้กับคอลลาเจนในชั้นผิวอีกด้วย
บอกลาปัญหา “ฝ้า” และ “ริ้วรอย”
ความกังวลของสาวๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้นกับปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า และกระ ซึ่งสาเหตุหลักๆ เกิดจากเม็ดสีหรือเมลานินใต้ชั้นผิวได้รับรังสียูวีมากเกินไปและสะสมเป็นระยะเวลานาน ปัจจุบันมีการรณรงค์ให้สาวๆ ใช้ครีมที่อุดมด้วยวิตามินซีและอี หรือครีมกันแดด SPF สูงๆ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากรังสียูวีโดยตรง ซึ่งนับเป็นเพียงวิธีการป้องกันภัยร้ายจากภายนอกเท่านั้น เราควรสร้างภูมิคุ้มกันจากภายในควบคู่กันด้วย โดยพบว่าสาร“ไลโคปีน”ในมะเขือเทศมีประสิทธิภาพสามารถกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง พร้อมทั้งยังสกัดกั้นและยับยั้งการสร้างเมลานินด้วยการลดทอนปฎิกิริยาของไทโรซิเนสซึ่งมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างเมลานินได้อีกด้วย
เติมคอลลาเจนธรรมชาติให้ผิวเปล่งปลั่ง
สาวๆ ที่แสวงหาสารพันวิธีเติมคอลลาเจนให้ผิวดูอ่อนเยาว์ตลอดเวลา ลองเลือกรับประทานมะเขือเทศ ผลไม้มหัศจรรย์ที่นอกจากจะช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของปัญหาริ้วรอย ฝ้า และกระ ยังเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของผิวในการเติมคอลลาเจนธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งจากการวิจัยปี พ.ศ. 2554 ของประเทศอังกฤษ พบว่าผู้หญิงจำนวน 20 คนที่บริโภคซอสมะเขือเทศเข้มข้น ที่มีสาร “ไลโคปีน”เพียงอย่างเดียวเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน12 สัปดาห์สามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของสารอนุมูลอิสระ “MMP-1” ที่เป็นต้นเหตุให้คอลลาเจนในชั้นผิวแตกตัวและเสื่อมสภาพได้เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่บริโภคน้ำมันมะกอกเพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งยืนยันว่าสาร “ไลโคปีน”มีส่วนช่วยเสริมโปรคอลลาเจน (Procollagen) สารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจนของผิวหนังให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การรับประทานมะเขือเทศควบคู่กับผักและผลไม้ที่ให้วิตามิน ซี อาทิ ส้ม มะนาว มะขามเทศ ก็เหมือนเพิ่มประสิทธิภาพแบบคูณสองให้กับผิว เพราะวิตามิน ซี เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำเท่านั้นโดยจะทำหน้าที่ป้องกันและผลักดันสารอนุมูลอิสระบริเวณด้านนอกของเซลล์ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวขาว กระจ่างใสส่วน “ไลโคปีน” เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน ทำหน้าที่ป้องกันและผลักดันสารอนุมูลอิสระในระดับเยื่อหุ้มเซลล์ในร่างกายทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงจากภายในได้อีกด้วย และเพื่อเพิ่มการดูดซึมของไลโคปีนให้กับผิวมากขึ้น ควรเลือกไลโคปีนจากมะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการให้ความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการผัด หรือต้มก็ตาม ทำให้ร่างกายและผิวพรรณได้รับไลโคปีนที่มีประสิทธิภาพดียิ่งกว่าการรับประทานแบบสด เพราะไลโคปีนทนต่อความร้อน จึงไม่ต้องกังวลว่าสารไลโคปีน จะลดจำนวนลงจากกระบวนการเหล่านั้น
บอกลาอาการ “ยี้” รสชาติมะเขือเทศแบบเดิมๆ แล้วมองให้ไกลถึงคุณประโยชน์อันมหาศาลของ “มะเขือเทศ” ที่อุดมด้วย “สารไลโคปีน — Lycopene” นอกจากสุขภาพร่างกายจะดีในระยะยาวแล้ว ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอย่าง “ไลโคปีน” ยังสามารถช่วยลดปัญหาริ้วรอยแห่งวัย แถมยังเพิ่มเกราะป้องกันโรคร้ายให้กับร่างกายได้อีกด้วย.
ที่มา : www.amazinglycopene.com