กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรฯ อินเทรนด์ ร่วม 40 ประเทศทั่วโลกจัดงาน “ วันดื่มนมโรงเรียนโลก2013” เพื่อให้เยาวชนตระหนักถึงความสำคัญของโครงการนมโรงเรียน ในระดับโลก และหวังกระตุ้นเด็กไทยหันมาดื่มนมโรงเรียนมากยิ่งขึ้น
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการจัดงาน “วันดื่มนมโรงเรียนโลก2013” ว่า ตามที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ( FAO) ได้กำหนดให้วันพุธสุดท้ายของเดือนกันยายนของทุกปีเป็นวันดื่มนมโรงเรียนโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงโครงการนมโรงเรียนในแต่ละประเทศ รวมทั้งกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนหันมาให้ความสำคัญกับการดื่มนมมากขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับวันดื่มนมโรงเรียนโลกได้จัดขึ้นครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2000 และได้จัดต่อเนื่องเป็นกิจกรรมประจำทุกปีในแต่ละประเทศทั่วโลก โดยวันดื่มนมโรงเรียนโลกในปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556 ครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งที่ 14 ที่ได้มีการจัดกิจกรรมวันดื่มนมโรงเรียนโลกขึ้นมาแต่สำหรับประเทศไทยได้จัดเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งนอกจากประเทศไทยแล้วยังมีมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก อาทิ จีน อิหร่าน อินเดีย อินโดนีเซีย จาไมก้า ปากีสถาน ซาอุดิอาระเบีย ทานซาเนียต่างก็จัดกิจกรรมวันดื่มนมโรงเรียนโลก เพื่อแสดงถึงความสำคัญของโครงการนมโรงเรียนในระดับโลกกันอย่างพร้อมเพียง
นายยุคล กล่าวถึงผลดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียนในประเทศไทยว่า ได้ดำเนินการมาแล้ว 21 ปีนับจากปี 2535 โดยในปีแรกรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้เด็กนักเรียนอนุบาลเป็นเงิน 278.60 ล้านบาท ดื่มนมรวม 120 วันต่อปี ต่อมาได้มีการเพิ่มจำนวนเด็กนักเรียนและจำนวนวันที่จัดให้เด็กนักเรียนดื่มเพิ่มขึ้น ต่อมาในปี 2556 รัฐบาลได้จัดนมโรงเรียนให้ขยายการดื่มนมจากระดับอนุบาล จนถึงชั้นประถมปีที่ 4 รวม 5,961,273 คน ดื่มนม 230 วันต่อปี รวมงบประมาณ 6,819.03 ล้านบาท ปัจจุบันได้ขยายการดื่มนมถึงระดับประถมปีที่ 6
ทั้งนี้ การจัดตั้งโครงการดังกล่าวมีมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาร่างกายของนักเรียนให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรงและมีน้ำหนัก ส่วนสูงเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งเพื่อเป็นการปลูกฝังการดื่มนมในเด็กและเยาวชน ให้พัฒนาร่างกายและสติปัญญา และเพื่อสนับสนุนการใช้น้ำนมดิบในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมของรัฐบาลซึ่งโครงการดังกล่าวได้ช่วยแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดของเกษตรกรได้เป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา
สำหรับ โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน มติ ครม. เมื่อ 15 ธันวาคม 2552 ให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) เป็นองค์กรกลางในการบริหารจัดการนมโรงเรียนทั้งระบบ เพื่อรองรับน้ำนมดิบที่นำมาแปรรูปเข้าสู่ตลาดนมโรงเรียนได้ทั้งหมด รวมทั้งให้อ.ส.ค.จัดระบบบัญชีและการบริหารโครงการฯ แยกออกจากงานปกติเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและโปร่งใส เกษตรกรจำหน่ายน้ำนมดิบได้หมด ได้รับเงินค่านมตรงเวลาและเด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ จากนมโคที่ผลิตโดยเกษตรกรภายในประเทศ ซึ่งเป็นนมไม่มีการปลอมปนนมผงหรือวัตถุอื่นใด รวมทั้งการบริหารการชำระเงินค่านมโรงเรียนที่รวดเร็วขึ้น
ทั้งนี้ การดำเนินการของ อ.ส.ค. ตามมติ ครม. ดังกล่าวทำให้โครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียน สามารถรองรับน้ำนมดิบของเกษตรกรจำนวน 1,100 -1,200 ตัน/วัน ทำให้เด็กนักเรียนจำนวนประมาณ 8 ล้านคน มีโอกาสได้ดื่มนมโรงเรียนที่มีคุณภาพถึง 260 วัน/ปี ซึ่งโครงการดังกล่าวยังช่วยลดปัญหาการขาดสารอาหาร ทำให้เด็กไทยมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์และเจริญเติบโตสมวัยอีกด้วย ทั้งนี้ภารกิจของ อ.ส.ค. ตามมติครม. เมื่อ 15 ธันวาคม 2552 จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2556 นี้