กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--ad2y
3 ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอีเว้นท์ระดับโลก “อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น-เวิลด์เด็กซ์ฯ - รักลูก กรุ๊ป ” ทุ่มงบฯ 40 ล้านบาท จัดงาน “KIDSCOVERY WORLD : Tales & Toys” มหกรรมการเล่นและเรียนรู้สำหรับเด็ก ครั้งแรกของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24-27 ตุลาคมนี้ ณ ฮอลล์ 3-4 อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดตลอดงานมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน
นางสาวกุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ผนึกกำลังกับบริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี.กรุ๊ป บริษัทจัดงานแสดงสินค้าและงานอีเว้นท์ระดับโลก และบริษัท รักลูก กรุ๊ป จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านคอนเทนต์สำหรับเด็กและครอบครัว จัดงาน “KIDSCOVERY WORLD” มหกรรมการเล่นและเรียนรู้สำหรับเด็กในวัย 3-12 ปี ตอน Tales & Toys ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศ ระหว่างวันที่ 24-27 ตุลาคมนี้ ที่ฮอลล์ 3-4 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกในการร่วมจัดงานสำหรับเด็กและครอบครัวทิ่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศในครั้งนี้ โดยใช้งบประมาณราว 40 ล้านบาท เพื่อเนรมิตรพื้นที่ 10,000 ตร.ม. ให้เป็นโลกแห่งการเล่นและเรียนรู้สำหรับเด็ก ๆ อย่างแท้จริง
โดยทางอิมแพ็คมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ งานมหกรรมการเล่นและเรียนรู้สำหรับเด็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ซึ่งนิทานกับเด็กเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กันมาตั้งแต่อดีต คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่จะเสริมสร้างจินตนาการและพัฒนาการด้านสมองให้กับลูก ๆ ผ่านเรื่องเล่าจากนิทานที่คุ้นเคย การจัดงานครั้งนี้จึงจะชวนให้เด็กๆ ทุกคนได้ตื่นตาตื่นใจในโลกแห่งจินตนาการ ซึ่งจากประสบการณ์ของอิมแพ็คในการจัดงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับเด็กและครอบครัวมากว่า 5 ปี จึงมั่นใจว่างานนี้จะประสบผลสำเร็จเกินคาดอย่างแน่นอน
“สิ่งที่ต้องจับตามองในครั้งนี้ถือเป็นการจับมือกันครั้งยิ่งใหญ่โดยนำกลยุทธ์ของแต่ละฝ่ายมาสร้างสรรค์งานให้มีคุณภาพ มีความแตกต่างอย่างลงตัว และเกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างสูงสุด ทางผู้จัดงานคาดหวังว่าในการจัดงานครั้งแรกจะมีผู้เข้าร่วมชมงานอย่างมากมายและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ตลอดการจัดงานทั้ง 4 วันที่จะเกิดขึ้น”
นางสาวกุลวดี กล่าวต่อไปอีกว่า อิมแพ็ค เมืองทองธานี หนึ่งในศูนย์การจัดนิทรรศการ และการประชุมที่ทันสมัย และยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย ด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในตัวอาคารกว่า 140,000 ตารางเมตร ซึ่งประกอบขึ้นด้วยความหลากหลายของขนาดของพื้นที่ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการและประเภทของการจัดงาน ด้วยความพร้อมในทุก ๆ ด้านทั้งทีมงานคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน จึงทำให้มั่นใจในศักยภาพว่าจะสามารถจัดงานนี้ออกมาได้อย่างมีคุณภาพมากที่สุด ทั้งนี้ “คิดส์ คัฟเวอรี่ เวิล์ด” ไม่เพียงแต่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เท่านั้น เรายังจะยกขบวนไปจัดงานที่ เชียงใหม่ อุดรธานี และสุราษฎร์ธานี อีกด้วย
ด้านนายนิคม เลิศมัลลิกาพร ประธานกรรมการ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. กรุ๊ป จำกัด บริษัทจัดงานแสดงสินค้าและงานอีเว้นท์ระดับโลก กล่าวว่า เวิลด์เด็กซ์ฯ มีธุรกิจหลักในด้านงานแสดงสินค้าต่างประเทศและการจัดงานในประเทศ และก่อนหน้านี้ก็มีงานคิดส์ออฟเดอะเวิลด์ที่จัดร่วมกับอิมแพ็คก่อนจะขยายเป็นงาน KIDS COVERY WORLD ในปีนี้ โดยเวิลด์เด็กซ์ฯ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับหลากสายธุรกิจในหลายประเทศ ทำให้มองเห็นถึงแนวโน้มและความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมต่างๆ ในตลาดได้
ทั้งนี้มองว่าสินค้าที่เกี่ยวกับของเล่นเด็ก ของใช้สำหรับเด็กและครอบครัวยังเป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถเติบโตไปได้ ผู้บริโภคที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองยังคงเลือกซื้อและใช้จ่ายให้กับลูกๆ ของพวกเขาอยู่ แต่จะมองสินค้าที่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย มีความอเนกประสงค์มากขึ้น และส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งทางร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กันได้ด้วย
นายนิคมกล่าวด้วยว่า ในการร่วมจัดงานครั้งนี้ได้เชิญชวนผู้ประกอบการในแวดวงที่คุ้นเคยให้มาร่วมออกงานเพื่อขยายตลาดในประเทศ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี ในแผนการต่อไป จะบริหารเครือข่ายที่บริษัทฯ มีอยู่ในต่างประเทศ เพื่อเชิญชวนผู้ผลิตจากนานาชาติ มาร่วมออกบูธโดยจัดเป็นโซน International Pavilion ซึ่งจะเป็นการสร้างสีสันและธีมงานใหม่ๆ ให้กับงานแสดงสินค้าเพื่อเด็กและครอบครัว อีกทั้งยังทำให้วงการของเล่นและของใช้สำหรับเด็ก มีความเคลื่อนไหวและแลกเปลี่ยนแนวทางของสินค้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย
ขณะที่นางชนิดา อินทรวิสูตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ หันมารุกธุรกิจทางด้านอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้งเพิ่มมากขึ้น เพื่อต่อยอดธุรกิจคอนเทนต์สำหรับเด็กและครอบครัว และเด็กในวัยก่อนย่างเข้าสู่วัยรุ่นซึ่งเป็นจุดแข็งหลักของกลุ่มรักลูกกรุ๊ป โดยงาน “KIDSCOVERY WORLD” มหกรรมการเล่นและเรียนรู้สำหรับเด็กที่ร่วมกับอิมแพ็ค ฯและเวิล์ดเด็กซ์ฯ จัดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะถูกจัดขึ้นเป็นอีเว่นท์ใหญ่ประจำปีและจัดต่อเนื่องไปอีกในทุกปี
สำหรับงานในปีแรกนี้บริษัทฯ ได้นำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ของ “Tales & Toys” มีบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด เป็นผู้สนับสนุนหลัก โดยแบ่งรูปแบบการนำเสนอออกเป็น 2 ส่วน เพื่อให้เด็กและผู้ปกครองที่เข้ามาร่วมงานได้รับทั้งความสุข ความทรงจำ และความประทับใจที่มีต่อของเล่นและนิทาน ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างจินตนาการ รักการอ่าน และพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ของเด็กประกอบด้วย
1.Tales : นิทานในรูปแบบของศิลปะการสื่อสารผ่านงานออกแบบเรื่องเล่าและกิจกรรมประกอบ อาทิ การผังดนตรี การร้องเพลง การเล่นเกมส์ การพูดคุยแลกเปลี่ยน เป็นต้น พร้อมจัดแสดงนิทานคลาสสิก จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ หนูน้อยหมวกแดง, แจ็คกับต้นถั่วยักษ์, คนแคระทั้ง 7 กับสโนว์ไวท์ และฮันเซล &เกรเทล ในรูปแบบมินิ อินดอร์ ธีมปาร์ค บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้สัมผัสนิทานผ่านประสบการณ์และเรียนรู้นิทานในแง่มุมต่างๆ ที่สนุกสนานแลเพลิดเพลิน
และ 2 Toys : ของเล่น มีการออกร้านขายของเล่นต่างๆ พร้อมทั้งลานกิจกรรม บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร และลานเครื่องเล่น อาทิ โชว์คาแล็กเตอร์การ์ตูน, แข่งรถทามิยา, ประกวดหุ่นยนต์ “Robot for Kids”, ตู้เกมส์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบูธจำหน่ายสินค้าประมาณกว่า 150 ร้านค้า และพื้นที่ราว 8,000 ตารางเมตร รวมถึงพื้นที่จัดนิทรรศการให้ความรู้เรื่องพัฒนาการของของเล่นไทยและทั่วโลกอีกส่วนหนึ่งด้วย
“เราตั้งใจให้งานนี้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ของเด็กวัยคิดส์อย่างแท้จริง ที่สำคัญไม่สอนในห้องเรียนด้วย ยกตัวอย่างเช่น นิทานทั้ง 4 เรื่องที่นำเสนอในครั้งนี้เราจะมีการสร้างเรื่องราวและสอดแทรกเนื้อหาสอนเด็กในอีกแม่มุมหนึ่ง เช่น เราทุกคนสามารถเป็นสโนว์ไวท์ได้ถ้ารู้จักทำความดี หรือ คนแคระในนิทานไม่ได้เป็นประหลาด แต่เขาก็เป็นคนเหมือนเรา หรือในเรื่องฮันเซลฯ เราก็จะสอนให้เด็กรู้จักมีปฏิภาณไหวพริบ และเชื่อฟังในสิ่งที่พ่อแม่สอนเป็นต้น” นางชนิดากล่าวและว่า หรือในส่วนของของเล่นนั้นก็จะนำเสนอการละเล่นหากหลาย เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และเล่นเป็นกลุ่ม ฝึกให้เด็กมีระเบียบและรู้จักการแบ่งปัน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกจำนวนมาก อาทิ กิจกรรมเล่านิทาน ประกวดวาดภาพ เล่านิทานประกอบการแสดง กิจกรรมการแสดงของเด็กบนเวที เช่น การเดินแฟชั่นโชว์เด็กที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้มีโอกาสแสดงออก การเดินพาเหรดของคาแร็คเตอร์การ์ตูน และการ์ตูนจากนิทานที่นำมาเล่าทั้ง 4 เรื่อง รวมถึงกิจกรรมบริจาคของเล่น “Toys for Toys” เพื่อมอบให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เข้าร่วมโครงการ
นางชนิดากล่าวต่อไปว่า หลังจากจัดงานในกรุงเทพฯแล้วบริษัทยังมีแผนที่จะนำกิจกรรมดังกล่าวนี้ไปจัดแสดงที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลในต่างจังหวัดอีก 3 จังหวัดในปีหน้า คือ เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 27-29 ธันวาคม 2556 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ อุดรธานี ระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม ในช่วงวันเด็ก และสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 28-30 มีนาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงต้อนรับปิดเทอม อย่างไรก็ตาม คาดว่างานครั้งแรกที่จัด ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 100,000 คน