สรุปราคาซื้อขายทองคำและGold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 9.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 27, 2013 10:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,331 เหรียญ/ออนซ์และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ1,324 (22.0 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.31 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,650 บาท กับ 19,750 บาท และกลับมาปิดที่ 19,600 บาท กับ 19,700 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 897 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,083 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 0.4% แบบ 10 บาท ลดลง 1.7 % GFV13 ปิด 19,660 บาท และGFZ13 ปิด 19,730 บาท GF10V13 ปิด 19,660 บาท GF10Z13 ปิด 19,720 บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 12.1 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,324.1 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 12 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 21.76 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 909.59 ตัน (คงทองเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 37 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 103.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 55.04 จุด ปิดที่ 15,328.30 จุด ข่าวที่สำคัญ ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากตัวเลขเศรษฐกิจ Unemployment Claims ที่พบว่ามีคนว่างงานน้อยลง 5,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 305,000 ราย ที่เป็นผลให้ค่าเงินดอลลาร์นั้นแข็งค่าขึ้นมาและผลักดันการตัดสินใจเรื่องลด QE ของเฟดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจีดีพีไตรมาสสามของสหรัฐและ Pending Home Sales จะออกมาแย่กว่าที่คาดก็ไม่ได้ช่วยสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้ สำนักข่าวบางกอกโพสต์รายงานว่า Dealers Gold Futures จำนวน 7 แห่ง อันประกอบด้วย MTS Gold Futurities ได้ยื่นเสนอต่อแบงก์ชาติและผู้กำหนดกฎเกณฑ์ตลาดทุนในการจัดตั้ง Spot Gold Exchange ให้สามารถใช้งานในประเทศไทยได้ในฐานะเป็น Gold Trading Hub ของภูมิภาค อย่างไรก็ตาม นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ กล่าวว่า ต้องมีการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ต่างๆ ลง และเหล่า Dealers ทองคำไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันกับการเก็งกำไรค่าเงิน และเขาเองได้มีการยื่นจดหมายต่อ ธปท. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายประสาร ผู้ว่าธนาคารกลางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แบงก์ชาติกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับตัวแทนรัฐบาล กระทรวงการคลังเพื่อวางระเบียบทางกฎหมายในตลาด Spot Gold และยังระบุว่า การนำเข้าทองคำในปริมาณสูงได้ส่งผลกระทบต่อยอดขาดดุลบัญชี 0.2% ต่อจีดีพี รัฐสภาสหรัฐอยู่ระหว่างภาวะที่จะเพิ่มระดับเพดานหนี้ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือล้มเหลวที่จะเพิ่มระดับเพดานหนี้ที่จะทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งเลขาธิการกระทรวงการคลังสหรัฐ นายลูว์ ให้คำมั่นถึงมาตรการแก้ไขโดยเร็ว เนื่องจากเขาคาดว่าหนี้จะแตะระดับเพดานหนี้ในวันที่ 17 ต.ค. เพราะความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาลใกล้จะหมดลง ซึ่งเหลือเพียง 3 แสนล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆที่แน่นอนตอนนี้อาจสูงถึง 6 แสนล้านดอลลาร์ก่อนที่หนี้จะแตะระดับเพดานหนี้ ทั้งนี้พรรครีพลับลิกันและเดโมแครตยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาในประเด็นเพดานหนี้ นายเจฟฟรี่ย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ ระบุเมื่อวานนี้ว่า เขาได้สนับสนุนการลด QE ให้เร็วขึ้น และเขารู้สึกแปลกใจที่ขั้นตอนดังกล่าวยังไม่เริ่มต้นสักที นายเจเรมี่ สเตน ฝ่ายปกครองเฟด กล่าวว่า การตัดสินใจของ FOMC ในการไม่ลด QE นั้นเป็นสิ่งที่เรียกว่า "ฉิวเฉียด" ซึ่งเฟดอาจทำการลด QE ของจริงในปีนี้และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดกลุ่มโลหะมีค่า นางเอสเธอร์ จอร์จ สมาชิกบอร์ด FOMC ระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ของเศรษฐกิจได้มีการฟื้นตัวขึ้น แต่การชะลอการลด QE อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของเฟด นายรูบินี่ ฉายาดอกเตอร์ดูม กล่าวว่า หากเฟดยังไม่ลด QE ภายในการประชุมเดือนตุลาคม ยอดบัญชีงบดุลของสหรัฐจะขึ้นสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ในสิ้นปี โดยมองว่าเฟดจะใช้เวลา 3 ปีในการปรับอัตราดอกเบี้ยให้เป็นกลางจากระดับใกล้ศูนย์ สมาชิกบอร์ดบริหารของอีซีบีระบุว่า อีซีบีจำเป็นต้องใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนเพิ่มขึ้น ขานรับข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ แต่ยังคงจำกัดจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านการคลังของสหรัฐ นิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดเพิ่มขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ร่วงลงกว่า 3% หลังมีรายงานว่าวอล-มาร์ท ลดออเดอร์ลง ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 310K ตัวเลขจริงออกมาลดลงอยู่ที่ระดับ 305K - Final GDP q/q ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 2.5% ตัวเลขจริงออกมาเท่าเดิมอยู่ที่ระดับ 2.5% - Pending Home Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -1.4% ตัวเลขจริงออกมา ลดลงอยู่ที่ระดับ -1.6% ตัวเลขที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้ - Personal Spending m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขที่คาดการณ์เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 0.3% - Revised UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 76.8 ตัวเลขที่คาดการณ์เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 78.2 - ECB President Draghi Speaks - FOMC Member Evans Speaks ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 1,320 — 1,335 เหรียญ โดยที่ภาพรวมของตลาดไม่ค่อยตอบรับข่าวตัวเลขเศรษฐกิจใดๆ เป็นลักษณะการเคลื่อนตัวแบบ Sideways เมื่อวาน SPDR ไม่ได้ซื้อหรือขาย และตัวเลขเมื่อวานมี Unemployment Claims เดิมอยู่ที่ระดับ 310,000 ราย ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 305,000 ราย ลดลง 5,000 ราย จีดีพีไตรมาสสามออกมาเท่าเดิม และ Pending Home Sales ออกมาลดลงกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำอยู่ในช่วงปรับฐานโดยมีระดับในการเคลื่อนไหวเป็น Sideways ระหว่าง 1,320 — 1,330 เหรียญ คาดว่าในวันนี้ราคาทองคำน่าจะเคลื่อนตัวในกรอบ 1,305 — 1,330 เหรียญ โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,305 เหรียญ ถ้าหลุดทางด้านล่างก็มีโอกาสตกลงมาได้เยอะ ราคาน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ ค่าเงินบาทเองก็เริ่มทรงตัวในกรอบแคบระหว่าง 31.18 — 31.25 บาท/ดอลลาร์ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ลงทุนตามการเคลื่อนไหวในกรอบแคบในทิศทาง Sideways รอการ Breakout ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ภาพรวมยังเป็นการกดดันในทิศทางขาลง - นักลงทุนที่ถือ Long Position ขายทำกำไรเป็นช่วงๆ และลดการถือครองลงในจังหวะที่ราคาดีดตัวขึ้น - นักลงทุนที่ถือ Short Position ทำการปิด Short เป็นช่วงๆ เช่นเดียวกัน ถือพอร์ตให้เหมาะสมและสมดุล Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,580 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,780 บาท Gold Futures Z13 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,660 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,860 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ