ฟอร์ดฉลองการผลิตเครื่องยนต์ประยัดน้ำมัน ‘อีโคบู๊สต์’ ครบ 2 ล้านเครื่อง มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก

ข่าวยานยนต์ Friday September 27, 2013 11:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ ปัจจุบันฟอร์ดผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์มากกว่า 100,000 เครื่องต่อเดือน โดยคาดว่าในปีพ.ศ. 2556 บริษัทจะผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ได้ทั้งหมด 1.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีพ.ศ. 2555 นับเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ดคาดว่าปริมาณการผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์จะมีจำนวนมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลระดับโลกของบริษัท ลูกค้าทั่วโลกมีความต้องการเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์มากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ โดย 43 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ซื้อรถบี-แมกซ์ ในทวีปยุโรป เลือกรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ ขณะที่95 เปอร์เซ็นต์ของผู้ซื้อฟอร์ด คูก้า ในทวีปเอเชีย และ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ซื้อฟอร์ด เอสเคป ในทวีปอเมริกาเหนือ เลือกรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์โคบู๊สต์เช่นกัน ไม่นานมานี้ โรงงานของฟอร์ดในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี เพิ่มปริมาณการผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.0 ลิตรขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้ผลิตเครื่องยนต์ได้มากกว่า 1,000 เครื่องต่อวัน บริษัทยังได้ลงทุนอีก 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6 พันล้านบาท) เพื่อผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ขนาด 2.0 ลิตรในสหรัฐ และในเร็ววันนี้จะเริ่มผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.0 ลิตรที่โรงงานฉางอัน ฟอร์ด เป็นครั้งแรก โรงงานใหม่ในเมืองจุงกิง ประเทศจีนนี้สร้างขึ้นด้วยเงินลงทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท) และเปิดทำการเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ข้อมูลของฟอร์ดเปิดเผยว่า ผู้บริโภคในทวีปอเมริกาเหนือที่รู้จักเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์มีแนวโน้มที่จะซื้อรถฟอร์ดมากกว่าผู้ที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ของฟอร์ดมาก่อน การให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ยังมีส่วนช่วยสร้างทัศนคติที่ดีให้แก่แบรนด์ฟอร์ดในกลุ่มผู้บริโภคทั้งในทวีปยุโรปและเอเชียอีกด้วย ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประกาศเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญจากการผลิตเครื่องยนต์ประหยัดน้ำมัน ‘อีโคบู๊สต์’ ได้ครบ 2 ล้านเครื่อง นับตั้งแต่ครื่องยนต์อีโคบู๊สต์เริ่มวางจำหน่ายทั่วโลกครั้งแรกในปีพ.ศ. 2552 การที่ลูกค้าฟอร์ดในตลาดสำคัญๆ ทั่วโลกมีความต้องการรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้บริษัทต้องเร่งผลิต โดยปัจจุบัน ฟอร์ดผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ได้ประมาณ 100,000 เครื่องต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 65,000 เครื่องต่อวันในปีพ.ศ. 2555 “เครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ให้พละกำลังดีเยี่ยมและยังช่วยลดค่าน้ำมันด้วยจึงนับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกชื่นชอบอย่างมาก” มร. โจ บาคาจ รองประธานฝ่ายวิศวกรรมระบบส่งกำลังของฟอร์ด กล่าว “เครื่องยนต์อีโคบู๊สต์เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าซึ่งไม่เคยใช่รถฟอร์ดมาก่อนหันมาให้ความสนใจแบรนด์ฟอร์ดเพิ่มขึ้นทุกวัน และโรงงานของเราก็มีความพยายามอย่างมากในการผลิตสินค้าให้ทันต่อความต้องการของตลาด” ล่าสุด รถฟอร์ด เอสเคป ที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์เครื่องที่ 2 ล้าน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ได้เดินทางออกจากสายการผลิตของฟอร์ด ณ โรงงานประกอบรถยนต์หลุยส์วิลล์ ในรัฐเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐ ทั้งนี้ เทคโนโลยีอีโคบู๊สต์ของฟอร์ด เป็นเทคโนโลยีที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ขนาดเล็กลงเข้ากับระบบเทอร์โบชาร์จ ไดเร็กอินเจ็กชั่น และระบบวาล์วแปรผัน เพื่อมอบสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมควบคู่กับการประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ของฟอร์ดช่วยประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 15 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับเครื่องยนต์เบนซินที่มีขนาดใหญ่กว่า ปัจจุบัน เครื่องยนต์ระดับโลกในตระกูลอีโคบู๊สต์ของฟอร์ดมาพร้อมตัวเลือกหลายขนาด ทั้งแบบ 3 สูบขนาด 1.0 ลิตร แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1.6 ลิตร และ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตรอันทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพ การเติบโตในเอเชียแปซิฟิก ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยอดขายรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตสูงถึง 202 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งรวมถึงอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 189 เปอร์เซ็นต์ในประเทศจีน ฟอร์ดวางแผนที่จะนำเสนอรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันนี้ในรถ 20 รุ่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายในช่วงกลางทศวรรษ หรือเพิ่มขึ้นจากปีพ.ศ. 2555 ถึง 5 เท่าตัว ทั้งนี้ 95 เปอร์เซ็นต์ของผู้ซื้อฟอร์ด คูก้า ในเอเชียแปซิฟิกเลือกรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.6 ลิตร ขณะที่ผู้ซื้อฟอร์ด เอดจ์ 90 เปอร์เซ็นต์ และผู้ซื้อฟอร์ด มอนเดโอ 62 เปอร์เซ็นต์เลือกเครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันเช่นเดียวกันและในเร็ววั้นนี้ ฟอร์ดจะเริ่มผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.0 ลิตร ที่โรงงานผลิตเครื่องยนต์ฟอร์ด ฉางอัน ซึ่งก่อสร้างขึ้นด้วยมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท) และเปิดทำการเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในเมืองจุงกิง ประเทศจีน การขยายตัวในยุโรป ในทวีปยุโรป การที่ผู้บริโภคจำนวนมากต้องการเป็นเจ้าของเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ขนาด 1.0 ลิตร เจ้าของรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมระดับนานาชาติประจำปีพ.ศ. 2555 และ 2556 ส่งผลให้ฟอร์ดเพิ่มปริมาณการผลิตเครื่องยนต์ในโรงงานที่เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี อีกเท่าตัว ส่งผลให้โรงงานดังกล่าวมีปริมาณการผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์มากกว่า 1,000 เครื่องต่อวัน ปัจจุบัน เครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.0 ลิตร ติดตั้งอยู่ในรถฟอร์ด 5 รุ่นที่วางจำหน่ายในทวีปยุโรป และจะเพิ่มขึ้นเป็น 11 รุ่นภายในปีพ.ศ. 2557 โดยเครื่องยนต์แบบ 3 สูบของฟอร์ดนับว่าเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ในปีพ.ศ. 2556 โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 43 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรถบี-แมกซ์ 32 เปอร์เซ็นต์ของโฟกัส 26 เปอร์เซ็นต์ของเฟียสต้า และ 24 เปอร์เซ็นต์ของซี-แมกซ์ และแกรนด์ ซี-แมกซ์ เครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ยังช่วยเพิ่มความต้องการรถรุ่นอื่นๆ ทั้งเฟียสต้า เอสที (อีโคบู๊สต์ 1.6 ลิตร) และโฟกัส เอสที (อีโคบู๊สต์ 2.0 ลิตร) ขณะที่ผู้ซื้อฟอร์ด คูก้า ซึ่งมักจะเลือกรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ได้หันมาเลือกรถรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊ะสต์ 1.6 ลิตรแทนถึง 18 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวม ขณะที่ข้อมูลของฟอร์ดเปิดเผยว่าลูกค้าชาวยุโรปรู้สึกคุ้นเคยกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์มากขึ้นราว 40 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับเมื่อปีพ.ศ. 2554 ทั้งนี้ โรงงานผลิตเครื่องยนต์ในเมืองโคโลญจน์ได้เริ่มผลิตเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.0 ลิตร เพื่อจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือแล้ว และในช่วงปลายปีพ.ศ. 2556 ฟอร์ดจะเริ่มวางจำหน่ายเฟียสต้า ใหม่ รุ่นปี 2014 ซึ่งจะเป็นรถรุ่นแรกในสหรัฐที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.0 ลิตร โดยบริษัทคาดว่านอกจากรถตระกูลไฮบริดแล้ว เฟียสต้า ใหม่ จะได้รับการรับรองว่าเป็นรถที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุดที่วางจำหน่ายในสหรัฐ ความนิยมและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือ ในทวีปอเมริกาเหนือ ข้อมูลภายในของฟอร์ดระบุว่า เครื่องยนต์อีโคบู๊สต์เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับด้านความประหยัดน้ำมันมากที่สุดในมุมมองของผู้บริโภคในปัจจุบัน นอกจากนี้ ผู้บริโภคที่รู้จักเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ยังมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อรถฟอร์ดมากขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับคนที่ไม่รู้จักเทคโนโลยีดังกล่าว ความนิยมที่ผู้บริโภคมีต่อเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ในทวีปอเมริกาเหนือ สะท้อนให้เห็นได้จากการเลือกซื้อรถรุ่นหลักๆ ดังนี้ 90 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ซื้อฟอร์ด เอสเคป เลือกรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 50 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ซื้อฟอร์ด ฟิวชั่น เลือกรถ 1 ใน 3 รุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 42 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ซื้อรถกระบะ เอฟ-150 เลือกรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 3.5 ลิตร ในปีนี้ รถฟอร์ดรุ่นต่างๆ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่วางจำหน่ายอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ล้วนเป็นรถที่ติดตั้งเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ อัตราส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ในปีพ.ศ. 2558 และเพื่อตอบสนองต่อความต้องการเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ขนาด 2.0 ลิตรที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย ฟอร์ดจึงได้ลงทุนอีกราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6 พันล้านบาท) เพื่อผลิตเครื่องยนต์รุ่นนี้ที่โรงงานในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ โดยจะเริ่มดำเนินการผลิตในปีพ.ศ. 2557

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ