กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--ขอบฟ้าพีอาร์ เอเจนซี่
“ลา โรช-โพเซย์” แบรนด์หรูจากประเทศฝรั่งเศส ผู้นำในด้านเวชสำอางอันดับต้นๆของโลกที่แพทย์ผิวหนังไว้วางใจ เป็นแบรนด์ที่มีความเข้าใจในผู้มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่ายโดยเฉพาะ โดย คุณผุสดี สุจิตจร ผู้จัดการทั่วไป แผนก Active Cosmetics บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน “The Perfect Match for your Acne by La Roche-Posay” เพื่อแนะนำการ เลือก “คู่ที่ใช่” กับปัญหาสิวของคุณ งานจัดขึ้น ณ โรงแรมเซนต์ รีจิส
โดยได้รับเกียรติจาก นพ.วาสนภ วชิรมน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง แผนกผิวหนังและเลเซอร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมให้คำแนะนำ ไขปัญหาทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับ ‘สิว’ ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย พร้อมคำแนะนำและสาระความรู้ในการป้องกัน ดูแล และรักษาผิวหน้า ร่วมกับพิธีกร โอปอล์- ปณิสรา พิมพ์ปรุ และแขกรับเชิญดาราดัง เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์ และ มัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย นอกจากนี้ เภสัชกร นิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์ ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ ร่วมแนะนำผลิตภัณฑ์ EFFACLAR ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการดูแลผิวมันและผิวที่มีปัญหาสิว สำหรับผู้มีผิวบอบบางระคายเคืองง่าย
ปิดท้ายด้วยการรางวัลแจกให้กับผู้โชคดีจากกิจกรรม The EFFACLAR Game โดย คุณศศิกร ซิมตระกูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้มอบรางวัล
คุณผุสดี สุจิตจร ผู้จัดการทั่วไป แผนก Active Cosmetics บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด
“ลา โรช-โพเซย์ ผู้นำในด้านเวชสำอางชั้นนำของโลกที่แพทย์ผิวหนังไว้วางใจ และด้วยความเชี่ยวชาญกว่า 40 ปีที่ La Roche-Posay อุทิศตนเพื่อวิทยาการด้านผิวพรรณ เราจึงมีความรู้ความเข้าใจที่ในสภาพความเป็นจริงที่ผู้ที่มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่ายซึ่งต้องเผชิญอยู่ทุกวัน และวันนี้ ลา โรช-โพเซย์ ได้นำความเชี่ยวชาญมาพัฒนาและรังสรรค์กลุ่มผลิตภัณฑ์เอฟฟาคลาร์ (Effaclar) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิวมันและผิวที่มีปัญหาสิว สำหรับผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองปัญหาสิวในทุกชนิด”
นพ.วาสนภ วชิรมน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง แผนกผิวหนังและเลเซอร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ข้อมูลทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับ ‘สิว’
สิว เป็นการอุดตันของระบบต่อมไขมันในรูขุมขน ปกติไขมันที่สร้างจากต่อมไขมันจะออกมาตามรูขุมขน หากมีการอุดตันของทางเดินก็จะทำให้เกิดสิวอุดตัน ซึ่งจะพบเป็นลักษณะตุ่มเม็ดเล็กๆ ที่มีลักษณะเป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน หากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย อาจจะทำให้เกิดการอักเสบได้ ซึ่งจะกลายเป็นสิวอักเสบ หากการอักเสบเป็นมากขึ้น อาจจะกลายเป็นตุ่มหนอง สิวหัวช้าง และเป็นซีสต์ได้
สาเหตุของสิว โดยรวมแล้วสามารถแบ่งปัจจัยหลักๆได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. ปัจจัยภายในร่างกาย คือ ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ระดับฮอร์โมน, การตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมน กรรมพันธุ์, พื้นผิวดั้งเดิม, อารมณ์และความเครียด ซึ่งเป็นสิ่งที่มาจากภายในร่างกายเราเอง
2. ปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยา, ครีมและเครื่องสำอางบางชนิด, สภาพแวดล้อม, แสงแดดและอุณหภูมิ และ อาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงได้
ชนิดของสิวสามารถแบ่งได้ เป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะที่พบ ได้แก่ สิวที่ไม่อักเสบ และสิวที่อักเสบ
หลักการดูแลรักษาสิวมีหลักการง่ายๆ 4 ข้อ ดังนี้
1. หยุดสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวรวมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้สิวเป็นมากขึ้น เช่น หากเป็นสิวจากเครื่องสำอาง ควรงดใช้เครื่องสำอางที่ไม่จำเป็น ควรงดบีบสิวเนื่องจากจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้นและเป็นรอยดำและแผลเป็นมากขึ้นได้
2. การใช้ยา การเลือกยาสิวไม่ว่าจะเป็นยาทาหรือยารับประทาน ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของสิว ซึ่งควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ไม่ควรซื้อยามาใช้เองเนื่องจากจะทำให้ดื้อยาได้
3. การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมการรักษา เช่นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของซาลิซัยลิค แอซิด (Salicylic acid) และไฮดรอกซี่แอซิด (Hydroxyacid) จะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดสิว หรือที่มีเขียนข้างฉลากว่า “ไม่ทำให้เกิดสิว หรือ นอนโคมิโดเจนิก (Non-comedogenic)”
4. ต้องใจเย็นและต้องเข้าใจในตัวโรคสิว การรักษาสิวส่วนมากใช้เวลาหลายสัปดาห์ สิวบางชนิดเมื่อหายแล้ว อาจกลับเป็นซ้ำได้ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุของสิว
การรักษาสิว สามารถแบ่งการรักษาสิวเป็น2ชนิด ได้แก่การรักษาหลักและการรักษาเสริม
1. การรักษาหลักได้แก่การใช้ยา ซึ่งมีทั้งชนิดทาและชนิดรับประทาน ส่วนมากต้องใช้ร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและลดโอกาสการดื้อยา สำหรับยาชนิดทาที่นิยมใช้ เช่น ยาทาที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ยาปฏิชีวนะ (เช่น คลินดามัยซิน อีรีโทรมัยซิน) ยาทาที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ (เช่น เตตริโนอิน ไอโซเตตริโนอิน อะดาพาลีน) และยาทาที่มีส่วนผสมของกรดอะเซเลอิค สำหรับยารับประทานที่นิยมใช้คือยากลุ่มปฏิชีวนะ ยากลุ่มฮอร์โมน และยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ การรับประทานยาสิวไม่ว่าจะเป็นยาตัวใดก็ตาม ควรรับประทานติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 3 เดือน หากหยุดยาเร็ว สิวจะกลับมาเป็นใหม่ได้ง่าย
2. การรักษาเสริม
-การกดสิว เป็นการทำให้หัวสิวอุดตันที่มีอยู่ออกเร็วขึ้น เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้เกิดการอักเสบได้ การกดสิวควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่สะอาดปลอดเชื้อ หากสิวกดออกไม่หมด อาจจะทำให้เกิดการอักเสบภายหลังได้
-การฉีดยาสิว เป็นการฉีดยาเข้าที่เม็ดสิวเพื่อลดการอักเสบในกรณีที่สิวมีการอักเสบมาก มีข้อดีคือหยุดการอักเสบได้เร็ว แต่อาจมีผลข้างเคียงได้คือผิวยุบลงในกรณีที่ฉีดมากเกินไป ซึ่งผิวยุบลงมักจะค่อยๆดีขึ้นได้เอง
-การใช้เลเซอร์ มีการใช้เลเซอร์เสริมเพื่อลดสิวอุดตันและสิวอักเสบบางประเภท ทำให้เห็นผลการรักษาที่เร็วขึ้น
คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นสิว ควรปฏิบัติตนตามข้อแนะนำข้างต้น ที่สำคัญไม่ควรซื้อยามาใช้เอง เนื่องจากสิวมีหลายชนิด หลายประเภท การซื้อยามาใช้เองอาจเป็นการรักษาที่ไม่ตรงจุด ทำให้เสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ไม่ควรใจร้อนในการรักษารอยสิวและแผลเป็น ตราบใดที่สิวยังไม่หาย ยังมีสิวใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีรอยตามมาได้อีก ดังนั้นจึงควรจัดการกับสิวก่อนที่จะจัดการกับรอย เมื่อมีสิวควรจะรีบรักษาเพราะหากปล่อยไว้จนอักเสบลุกลาม จะทำให้เกิดแผลเป็นถาวรได้
พงศกร เมตตาริกานนท์ และ พิมดาว พานิชสมัย ร่วมเคล็ดลับการดูแลผิวให้ปลอดจากสิว
เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์
“ปัญหาของผมคือหน้ามัน และมักจะเป็นสิวอักเสบทุกครั้งที่นอนดึก ส่วนตัวต้องหมั่นซับหน้าบ่อยๆ แล้วก็พยายามนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามไม่นอนดึกครับ แต่เนื่องจากพอได้มาถ่ายละครก็ควบคุมเรื่องเวลานอนนี้ได้ไม่มากนัก เมื่อเวลาเป็นสิวอักเสบก็จะทายาแต้มสิว หรือไปพบแพทย์บ้างครับ”
มัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย
“มัดหมี่เองมีลักษณะผิวหน้าแบบหน้ามันเงา และมีปัญหารูขุมขนอุดตันบ้าง จึงพยายามล้างหน้าให้สะอาดค่ะ และเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่คิดว่าสามารถแก้ปัญหาสิวอุดตันได้ เมื่อเวลาเป็นสิวอักเสบก็พยายามไม่สัมผัสโดน และใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดสิวบ้างค่ะ แต่ถ้ามีปัญหามากจริงๆ ก็จะไปพบแพทย์ค่ะ”
เภสัชกร นิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์ ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ แนะนำเคล็ดลับสำหรับการดูแลผิวมัน และมีสิว ให้ห่างไกลจากปัญหาสิว
ผิวมัน ควรรักษาความสะอาดโดยล้างหน้าวันละ 2 - 3 ครั้งก็เพียงพอเพื่อลดความมันบนใบหน้า เวลาล้างหน้าไม่ควรถูแรงๆ ไม่ควร scrub และที่สำคัญควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนเหมาะกับผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
สำหรับผิวมัน ที่ระคายเคืองง่าย ไม่ควรใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ควรเลือกที่เป็นสูตร alcohol-free, oil-free, paraben--free และ non-comedogenic
สิวระยะต้น หรือไม่รุนแรง (Mild Acne) อาจทาครีมกลุ่มเวชสำอางที่มีส่วนผสมของกรดความเข้มข้นไม่มาก เช่น LHA (Lipo-Hydroxy Acid) เพื่อทำให้มีการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดการอุดตันของสิว และ ลดรอยดำคล้ำจากสิวได้
แสงแดดเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้มีน้ำมันส่วนเกินและความชื้นบนผิว อันก่อให้เกิดสิวและระคายเคืองผิวได้ สิ่งสำคัญสุดต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดร่วมด้วยเป็นประจำทุกวัน และเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่เป็นชนิด fluid และชนิดเจล (gel) ซึ่งเหมาะสำหรับคนผิวมัน