กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน
ห้องอาหารฝรั่งเศส เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์ ภูมิใจเสนองานไวน์ดินเนอร์ที่สร้างแรงบันดาลใจกับนิยามใหม่แห่งการรับประทานมื้อค่ำ ด้วยรสชาติสุดคลาสสิคของไวน์จากชาโตว์ เซนต์ มิเชล หนึ่งในไวน์ชั้นเลิศจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในคืนวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 06:30 น. เป็นต้นไป
ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับไวน์ชั้นเลิศที่รวบรวมไวน์ที่มีความโดดเด่นทั้ง 4 ชนิดจากแบรนด์ชาโตว์ เซนต์ มิเชลล์ มาให้ท่านได้ลิ้มลอง อาทิ Stimson Estates Cellars Chardonnay, Washington State Vineyards ปี2010, Stimson Estates Cellars, Cabernet Sauvignon และ Washington State Vineyards ปี 2011
เชฟ แดเนียล บูเฮอร์ ได้จัดเตรียมมื้อค่ำสุดหรู 5 คอร์ส ด้วยความบรรจง โดยรังสรรค์อาหารแต่ละจานให้มีรสชาติละมุนละไมซึ่งช่วยเสริมรสชาติของไวน์ทั้ง 4 ชนิด ได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่า อาหารที่เชฟนำมาเสนอนั้น จะเป็นศิลปะอาหารชั้นเลิศที่ท่านไม่เคยได้รับประทานจากที่ใดมาก่อน ในราคาสุทธิต่อท่าน 5,500 บาท และราคาสุทธิ 3,850 บาท สำหรับสมาชิก ไวน์ แอมบาสเดอร์ คลับ
ชาโตว์ เซนต์ มิเชลล์ เป็นไวน์เนอรี่ที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีโรงกลั่นไวน์อยู่ในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในไวน์โลกใหม่ที่มีคุณภาพดีที่สุดแบรนด์หนึ่ง ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 1933 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1967
วันนี้ ชาโตว์ เซนต์ มิเชลล์มุ่งเน้นการนำองุ่นจากรัฐวอชิงตันมาหมักแบบไวน์โลกเก่าด้วยกรรมวิธีที่ทันสมัย จนเป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลายในฐานะไวน์ที่มีชื่อเสียงระดับรางวัลการันตี ไม่ว่าจะเป็น Chardonnay, Merlot และ Cabernet Sauvignon
อาณาเขตของไร่องุ่น ชาโตว์ เซนต์ มิเชลล์ ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาโคลัมเบีย ที่ซึ่งถูกปกคลุมจากเทือกเขาที่มีน้ำตกเล็กๆตรงกลาง มีการจำกัดปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ 6-8 นิ้ว โดยในช่วงฤดูร้อนอุณหภูมิบริเวณนั้นจะอยู่ที่ 80 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งถือว่าเป็นอุณหภูมิที่อบอุ่น ส่วนในช่วงกลางคืนอากาศในบริเวณนั้นจะเย็นลงอีก ทำให้องุ่นของ ไวเนอร์รี่แห่งนี้มีคุณภาพดี รวมถึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในเรื่องรสชาติ และกลิ่นที่มีอยู่ในไวน์ของแบรนด์ชาโตว์ เซนต์ มิเชลล์เท่านั้น
นอกจากที่กล่าวไปแล้วนั้น ยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่จะเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณภาพแก่นักดื่มอีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน โรงกลั่นไวน์ของชาโตว์ เซนต์ มิเชลล์ได้แยกโรงกลั่นเป็นสองแห่งเพื่อแยกกลั่นไวน์แดงและไวน์ขาวเพื่อคุณภาพของไวน์และการจัดการโรงกลั่นที่ดียิ่งขึ้น
ย้อนกลับมาที่เชฟแดเนียล บูเฮอร์ เชฟประจำห้องอาหาร ผู้มีฝีมือโดดเด่นในการสร้างสรรค์อาหารเพื่อมาคู่กับไวน์ในครั้งนี้ เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรกเป็นหอยลาเซอ หรือหอยเสียบ จากมหาสมุทรแอตแลนติก หอยชนิดนี้จะมีลักษณะพิเศษที่ค่อนข้างจับได้ยากเพราะหอยเสียบมีความรวดเร็วในการซ่อนตัวเข้าไปหลบในทราย เชฟได้เพิ่มรายละเอียดให้กับหอยเสียบด้วยการเพิ่มใบยี่หร่า ผักชีฝรั่งและเครื่องแกงอื่นๆเล็กน้อย โดยเชฟได้เลือกไวน์ที่มารับประทานคู่กันคือ Ch?teau St. Michelle Chardonnay, Columbia Valley ปี 2009.
อาหารเรียกน้ำย่อยจานที่สอง เชฟเลือกใช้ฮอกไกโด สแกลลอป เป็นวัตถุดิบหลัก โดยนำฮอกไกโด สแกลลอปไปย่าง แล้วนำมาจัดวางบนกระเทียมต้นและกระหล่ำดาว เพิ่มความหวานด้วยลูกเกด และเติมเต็มความกลมกล่อมด้วย Chateau St. Michelle Sauvignon Blanc, Columbia Valley ปี 2011.
ต่อด้วยเมนูอกไก่ป่าตุ๋นซอสเนย ที่มีความหอมละมุนอ่อนๆจากเครื่องเทศ นอกจากนั้นยังมีถั่ว เมล็ดควินหวา ให้รสชาติเหมือนรับประทานแครอทแต่ไม่มีรสหวาน นอกจากนี้ยังเพิ่มความเผ็ดด้วยน้ำพันช์รสเผ็ด พร้อมด้วยครีม และเติมกลิ่นความเป็นธรรมชาติด้วยลูกเกาลัด จานนี้เชฟเลือก Chateau St. Michelle Merlot, Canoe Ridge Estate, Horse Heaven Hill ปี 2010 มาเพิ่มความสีสันให้กับอาหารจานนี้
มาถึงอาหารจานหลักด้วยขาแกะนิวซีแลนด์ชั้นดีย่าง เสิร์ฟคู่กับขนมปังหวานเพื่อเพิ่มรสชาติ พร้อม กราแตงมันฝรั่ง พร้อมด้วย รอคฟอร์ตชีส บูลชีสชั้นดีจากประเทศฝรั่งเศส รับประทานคู่กับ Chateau St. Michelle, Cabernet Sauvignon, Columbia Valley ปี 2010
ปิดท้ายกับเมนูอาหารหวานด้วยช็อคโกแลตและราสเบอร์รี่พัฟโลวา และขนมเมอแรงค์กรอบนอกแต่นุ่มใน พร้อมเติมเต็มค่ำคืนของท่านให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยกาแฟร้อนชั้นดีจากแบรนด์อิลลี่ หรือจิบชาชั้นดี ไปพร้อมกับขนมมีญาร์ดีส ก่อนกลับบ้านไปพร้อมประสบการณ์ของค่ำคืนอันแสนสุขกับคนที่คุณรัก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร +66 2650 8800 อีเมล์ fb.bangkok@lemeridien.comหรือเว็บไซต์ lemeridien.com/plazaatheneebangkok และ plazaatheneebangkok.com