กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
สคบ. ยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคด้านอสังหาฯตรวจเข้มโครงการที่ถูกร้องเรียน พร้อมประกาศรายชื่อยกย่องผู้ประกอบการที่ดี
ปัญหาความเดือดร้อนเสียหายของผู้บริโภคจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์(บ้านจัดสรรและอาคารชุด)เป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามายังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)จำนวนมาก จากสถิติปี 2554 พบว่ามีจำนวน 1,015 ราย ปี 2555 มีจำนวน 1,302 ราย และปี 2556 (ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2556) มีจำนวน 684 ราย
กรณีนี้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สั่งการให้ทาง สคบ.กำหนดเป็นนโยบายในการออกตรวจโครงการที่ถูกร้องเรียน และให้สคบ.มีการลงพื้นที่ทำงานเชิงรุกเพื่อตรวจสอบสภาพปัญหาจริง โดยให้เชิญผู้ร้องเรียน ผู้ประกอบธุรกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมหารือเพื่อมาหาแนวทางในการยุติข้อพิพาท หลีกเลี่ยงการฟ้องคดี และทำการคัดเลือกโครงการที่จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพปัญหาตามเกณฑ์ดังนี้ 1.เป็นโครงการที่มีผู้ร้องเรียนจำนวนมาก 2.เป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการอยู่อาศัย และ3.เป็นโครงการที่ได้รับความสนใจจากสังคมโดยรวม
ทั้งนี้การดำเนินงานของสคบ.เกี่ยวกับปัญหาการร้องเรียนเรื่องอสังหาริมทรัพย์ นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคบอกว่าในช่วงเดือนสิงหาคม — กันยายน 2556 ที่ผ่านมา ทาง สคบ.ได้ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบโครงการที่มีการร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามการสั่งการของนายสันติ พร้อมพัฒน์ ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งพบว่าปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นมีหลายลักษณะ ได้แก่ 1.ได้ทำนิติกรรมสัญญาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แล้วแต่ผู้ประกอบการก่อสร้างไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา 2.ก่อสร้างบ้านไม่ได้มาตรฐาน 3.ก่อสร้างเสร็จแล้วแต่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ 4.ไม่ปฏิบัติตามเอกสารโฆษณา 5.ไม่จัดระบบรักษาความปลอดภัยตามสัญญา 6.ไม่จัดให้มีระบบสาธารณูปโภครวมทั้งไม่ดูแลรักษาระบบสาธารณูปโภค 7.ไม่คืนเงินกรณีที่ผู้บริโภคไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน 8.บ้านไม่เรียบร้อยก่อนโอนกรรมสิทธิ์ และ9.บ้านชำรุดบกพร่องภายหลังโอนกรรมสิทธิ์
นายจิรชัย บอกอีกว่านอกจากการลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามาแล้ว ทางสคบ.ยังได้ยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคด้วยการคัดเลือกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดี โดยได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้แก่ การเคหะแห่งชาติ กรมที่ดิน ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ร่วมกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการพิจารณาผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดี โดยแบ่งออกเป็น 5 หมวด คือ หมวดที่ 1 การประกอบการและทีมงาน หมวดที่ 2 ทำเลที่ตั้งโครงการ หมวดที่ 3 มาตรฐานการออกแบบและการก่อสร้าง หมวดที่ 4 ความรับผิดชอบของผู้ประกอบธุรกิจต่อผู้บริโภคและสังคม และหมวดที่ 5 การวัดความพึงพอใจของผู้บริโภค
“ผลการคัดเลือกได้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดี ที่ผ่านหลักเกณฑ์ฯ ทั้งหมดจำนวน 22 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการพฤกษาวิลเลจ Scenery (รังสิต คลอง 2) ดำเนินงานโดย บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท 2.โครงการพฤกษาวิลล์ 31 (สายไหม) ดำเนินงานโดย บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท 3.โครงการบ้านพฤกษา 52/1 (พหลโยธิน — นวนคร) ดำเนินงานโดย บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท 4.โครงการทรี คอนโด สุขุมวิท 42 ดำเนินงานโดย บจก. บิ๊ก ทรี แอสเสท 5.โครงการทรี คอนโด ลาดพร้าว 27 ดำเนินงานโดย บจก.บิ๊ก ทรี แอสเสท 6.โครงการเลอนครินทร์ นีโอ ดำเนินงานโดย บจก.น้อมบุญ 7.โครงการศุภาลัย สุวรรณภูมิ ดำเนินงานโดย บมจ.ศุภาลัย 8.โครงการศุภาลัย ปาร์ค ศรีนครินทร์ ดำเนินงานโดย บมจ.ศุภาลัย 9.โครงการศุภาลัย ปาร์ค แยกติวานนท์ ดำเนินงานโดยบมจ. ศุภาลัย10.โครงการศุภาลัย ริเวอร์เพลส ดำเนินงานโดยบมจ. ศุภาลัย 11.โครงการเลอริช พระราม 3 ดำเนินงานโดย บจก.ริชี่เพลซ 2002 12.โครงการไอริส พาร์ค (สุขุมวิท 76) ดำเนินงานโดยบจก. ไอริส กรุ๊ป 13.โครงการอิสรเพลส ดำเนินงานโดยบจก. อิสรพร็อพเพอร์ตี้ 14.โครงการยู ดีไลท์ แอท ห้วยขวาง สเตชั่น ดำเนินงานโดยบจก. แกรนด์ ยู ลิฟวิ่ง 15.โครงการAqua Divina by Sammakorn ดำเนินงานโดย บมจ.สัมมากร 16.โครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ เลค แอนด์ พาร์ค 2 ดำเนินงานโดยบมจ.เอ็น ซี เฮ้าส์ซิ่ง 17.โครงการบ้านฟ้ากรีนพาร์ค รอยัล ธนบุรีรมย์ ดำเนินงานโดยบมจ. เอ็น ซี เฮ้าส์ซิ่ง 18.โครงการ The First Home รังสิต—ลำลูกกา คลอง 2 ดำเนินงานโดยบจก. กานดา เดคคอร์ 19.โครงการนิรันดร์ วิลล์ 8 ดำเนินงานโดยบจก.นิรันดร์วิลล์ 20.โครงการนิรันดร์ วิลล์ 10 ดำเนินงานโดย บจก. นิรันดร์วิลล์ 21.โครงการนิรันดร์ วิลล์ 10 ดำเนินงานโดย บจก.อีลิท แลนด์ 22.โครงการซิมโฟนี สุขุมวิท ดำเนินงานโดยบจก.อีลิท แลนด์” เลขาธิการ สคบ. กล่าวปิดท้าย