กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร วิเคราะห์อสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยวหลัก “เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา นครราชสีมา (เขาใหญ่) และหัวหิน-ชะอำ” รับกระแสไฮซีซัน พบมีอุปทานรวมในปี 2555-2556 ที่ 117,000 ยูนิต ดูดซับไปแล้ว 81,000 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนต่อยอดขายได้ถึง 70% โดยคอนโดมิเนียมมักขายดีในเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ส่วนเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างจังหวัดเชียงใหม่จะได้รับการตอบที่ดีในรูปแบบของบ้านเดี่ยว
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(Mr. Poomipak Julmanichoti, Managing Director, Plus Property Company Limited) ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า “เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของไทยและเป็นเมืองหลักที่เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวยังคงได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา นครราชสีมา (เขาใหญ่) และหัวหิน-ชะอำ เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม การต้อนรับที่เป็นมิตร และค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นย่อมก่อให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม โรงแรมหรือวิลล่า โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งท่องเที่ยว หรือที่อยู่อาศัยเห็นวิวธรรมชาติ เช่น รูปแบบ Sea View เป็นต้น ทั้งนี้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักจะทำให้การปล่อยเช่าหรือขายต่อมีโอกาสสูงขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มคนไทยอาจจะเหมาะต่อการปล่อยเช่าระยะสั้น ในขณะที่ชาวต่างชาติมักนิยมเช่าในระยะยาว เพื่อเป็นที่พักอาศัยยามเข้าสู่ฤดูหนาวของชาวยุโรป หรือใช้เป็นบ้านพักของคนวัยเกษียณที่มีให้เห็นในกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น รวมถึงชาวไทยเองที่ต้องการเป็นบ้านพักหลังที่สอง”
จากข้อมูลการวิจัยหัวข้อ “โอกาสอสังหาฯ กับการท่องเที่ยวที่มาแรง” โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนา ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ทำการสำรวจที่พักอาศัยในเมืองท่องเที่ยว 5 เมืองหลัก คือ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา นครราชสีมา (เขาใหญ่) และหัวหิน-ชะอำ พบว่าอุปทานปี 2555-2556 มีจำนวนทั้งสิ้น 117,000 ยูนิต ดูดซับไปแล้ว 81,000 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนต่อยอดขายได้ถึง 70% โดยเมืองท่องเที่ยวชายทะเล รูปแบบที่อยู่อาศัยที่นิยมในอันแรกคือคอนโดมิเนียมรูปแบบ Sea View ในกลุ่มราคา 50,000—80,000 บาท/ตร.ม. และ 100,000— 200,000 บาท/ตร.ม. ส่วนเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่าง จ.เชียงใหม่ ให้การตอบรับดีในรูปแบบของบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ผู้ซื้อหลักมาจากคนทำงานในท้องถิ่นและนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติในพื้นที่ และที่น่าสนใจคือตลาดคอนโดมิเนียมในกลุ่มราคา 60,000—80,000 บาท/ตร.ม. เนื่องจากเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นวัยเกษียณที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศญี่ปุ่น
หากเทียบหัวเมืองท่องเที่ยวชายทะเลต่างๆ แล้ว ชะอำและหัวหินถือว่าเป็นตลาดที่มีดีมานด์มากที่สุด เป็นที่สนใจของผู้บริโภคที่ซื้ออยู่อาศัยเองหรือซื้อเพื่อการลงทุน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีความพร้อมของปัจจัยพื้นฐาน เช่น โครงสร้างคมนาคม การพัฒนาของเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงการเป็นเมืองท่องเที่ยวลำดับต้นที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตามยอดขายอาจจะชะลอตัวบาง เนื่องจากปีที่ผ่านมา มีที่อยู่อาศัยเปิดตัวมากเป็นจำนวนเท่าตัวของอุปทานเดิม โดยกลุ่มคอนโดมิเนียมยังเป็นตลาดที่เติบโตได้ดี โดยเฉพาะราคาต่ำกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตร ในพื้นที่ชะอำ เขาตะเกียบ-เขาเต่า ยังเป็นพื้นที่ที่น่าจับตา เนื่องจากเชื่อว่ายังมีอุปสงค์รองรับได้จำนวนมาก ทั้งนี้ช่วงราคาที่เหมาะสมในพื้นที่ชะอำควรอยู่ในระดับ 50,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนเขาตะเกียบ-เขาเต่า ควรอยู่ที่ระดับ 40,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนพื้นที่ฝั่งทะเล คาดว่าอุปสงค์ที่ต้องการห้องชุดราคาแพงยังพอมีกำลังซื้อที่ราคาสูงกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนทำเลเมืองตากอากาศที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอดอีกหนึ่งแห่ง คือ พัทยา มีการเปิดโครงการใหม่อย่างคึกคัก เพราะเห็นแนวโน้มและโอกาสที่ยังขยายตัวได้อีกมาก
สำหรับภูเก็ต ภาพรวมของเมืองมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก เมื่อก่อนตลาดคอนโดหาไม่เป็นที่ต้องการของพื้นที่นี้ แต่ปัจจุบันเติบโตรวดเร็ว มีโครงการใหม่ๆ จากนักลงทุนในท้องถิ่นและส่วนกลางเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก ในส่วนของพื้นที่เขาใหญ่ แม้อุปสงค์จะให้การตอบรับต่ออุปทานโดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมในเกณฑ์ดี แต่จากข้อจำกัดของผังเมืองใหม่ที่ประกาศใช้ต้นปี 2557 ทำให้การลงทุนในอสังหาฯ ทั้งแนวสูงและแนวราบถูกจำกัด ผู้ประกอบการจึงเร่งขออนุมัติโครงการในช่วงปี 2556 เพื่อหวังดึงดูดกลุ่มอุปสงค์ที่ต้องการหาบ้านพักตากอากาศในอนาคต
“อย่างไรก็ตาม คาดว่าปี 2558 น่าจะเห็นนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้นจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึงปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายผลักดันให้เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต เป็น MICE CITY ที่ติดตลาดโลก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงยังมีปัจจัยจากนโยบายพัฒนาเครือข่ายคมนาคมภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เช่น สายชลบุรี-พัทยา-มาบตาพุด สายนครปฐม-สมุทรสงคราม-ชะอำ (กำหนดการแล้วเสร็จปี 2563) และโครงการรถไฟความเร็วสูงสู่ภูมิภาคของประเทศ ส่วนปัจจัยที่ควรเฝ้าระวังคือความผันผวนทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจโลก” นายภูมิภักดิ์ กล่าว
Note to Editor:
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ บมจ.แสนสิริ ก่อตั้งเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2539ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท (ชำระแล้ว) นับเป็นทุนจดทะเบียนของผู้ให้บริการอสังหาริมทรัพย์ที่มากที่สุดในประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐและเอกชนในการให้บริการและให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์กว่า 151 โครงการ รวมพื้นที่กว่า 6.1ล้านตารางเมตรเน้นธุรกิจหลัก 2 ด้าน คือ Agency (ซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์) และบริหารอาคาร (ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน) ล่าสุดได้รับใบรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001:2008 ด้านบริหารอาคารเทียบเท่าระดับสากล ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.plus.co.th