กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์
เจอเนสส์ โกลบอล ธุรกิจเครือข่ายขายตรงที่มีการเติบโตสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกประกาศนำทัพผู้แทนขายตรง กว่า 8,000 คนจากทั่วโลก ร่วมงาน “Jeunesse Expo Thailand” งานประชุมประจำปีระดับโลกในไทย 3-6 ตุลาคมนี้ ที่ ศูนย์ประชุมนานาชาติพีช รอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ในแคมเปญ “Mega Events … Sustainable Challenge”
มร. สก็อต เอ. ลิวอิส Chief Visionary Officer และประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เจอเนสส์ โกลบอล เปิดเผยกล่าวว่า “ธุรกิจของเจอเนสส์ โกลบอล ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีการเติบโตสูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยทั่วโลก และประเทศไทยเป็นประเทศที่ธุรกิจของเรามีการเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ โดยมีอัตราการเติบโตเกินกว่าร้อยละ 10 นับตั้งแต่เราเปิดดำเนินธุรกิจในไทยมาตั้งแต่พ.ศ. 2554
“ดังนั้น ในการพิจารณาเลือกสถานที่จัดการประชุมนานาชาติครั้งแรกของเจอเนสส์ในภูมิภาคนี้ เราจึงได้เลือก ที่จะมาจัดงานในประเทศไทย โดยเลือกเมืองพัทยา เพราะนอกจากจะอยู่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ เดินทางสะดวกแล้ว มีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการจัดประชุม และยังมีกิจกรรมมากมายที่สนับสนุนการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ นอกจากนี้นักธุรกิจของบริษัทฯ ยังรับทราบถึงชื่อเสียงด้านการบริการอันมีมาตรฐานสูง เป็นกันเอง และมีประสิทธิภาพของประเทศไทย รวมทั้งความพร้อมในด้านสาธารณูปโภค และภูมิประเทศที่งดงาม ทำให้เรามั่นใจว่านักธุรกิจในเครือข่ายเจอเนสส์ที่ได้เข้าร่วมงานจะได้รับความประทับใจ พร้อมที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการเติบโตของเจอเนสส์ต่อไปในอนาคต”
เจอเนสส์ โกลบอล เป็นหนึ่งในธุรกิจขายตรงระดับโลก โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามที่ประสบความสำเร็จมาก มีการดำเนินธุรกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 85 ประเทศ มีการเติบโตสูงถึง 128% ในปีที่ผ่านมา และได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Direct Selling News ของสหรัฐอเมริกาให้เป็นอันดับ 3 ของบริษัทขายตรงที่มีการเติบโตสูงสุดในปี 2555
สำหรับในประเทศไทย เจอเนสส์ได้เปิดดำเนินการเมื่อปี 2554 เป็นที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน มีฐานลูกค้าและนักธุรกิจไทยรวมกว่า 45,000 คน และมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องมาโดยตลอด
รายงานของสมาคมการขายตรงของไทยระบุว่า ตลาดธุรกิจขายตรงของภูมิภาคอาเซียน มีการเติบโตถึง 9.7% ต่อปีในปี 2555 และอยู่ในระดับที่สูงกว่าการเติบโตของตลาดอื่นๆ ทั่วโลกซึ่งมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5.4% สำหรับประเทศไทย ตลาดธุรกิจขายตรงมีมูลค่ารวมประมาณ 7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 6.22% ของมูลค่าธุรกิจเครือข่ายทั่วโลก และมีการเติบโต 7-10% ในหลายปีที่ผ่านมา
“การเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดการประชุมระดับนานาชาติครั้งแรกของเจอเนสส์ โกลบอลในภูมิภาคนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ทั้งในด้านเงินสนับสนุน การให้ข้อมูล คำปรึกษา และการประสานงานในด้านต่างๆ ทำให้เราได้รับความสะดวกมากในการจัดงานใหญ่สำหรับคน 8,000 คนจากทั่วทุกมุมโลก” มร. สก็อต ลิวอิสกล่าว
นางสาววิชญา สุนทรศารทูล ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการประชุม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า “การจัดการประชุมประจำปี Jeunesse Expo Thailand 2013 ของเจอเนสส์ โกลบอลในครั้งนี้ นับเป็นอีกความสำเร็จของแคมเปญ Mega Events … Sustainable Challenge” ในการดึงดูดธุรกิจขนาดใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาจัดงานเชิงการประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลในประเทศไทย คาดว่างานนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศรวมประมาณ 640ล้านบาท
“ทีเส็บ ได้เปิดตัวไปแคมเปญ Mega Events … Sustainable Challenge เมื่อต้นปี 2556 ที่ผ่านมา และมีบริษัทเข้าร่วมแคมเปญนี้แล้วกว่า 8 ราย โดยทีเส็บได้การให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและการอำนวยความสะดวก แก่องค์กรที่ยื่นความจำนงขอรับการสนับสนุนจากแคมเปญดังกล่าว การจัดประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลในประเทศไทย สามารถสร้างรายได้ให้แก่เศรษฐกิจไทยในวงกว้าง และเรายังใช้โอกาสที่นักธุรกิจเข้าร่วมประชุม เผยแพร่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการต้อนรับอย่างอบอุ่นมีเอกลักษณ์โดดเด่น และแสดงศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการของภูมิภาคอีกด้วย” นางสาววิชญากล่าว
แคมเปญ Mega Events … Sustainable Challenge ของทีเส็บ มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการจัดการประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลขนาด 1,000 คนขึ้นไป และมีระยะเวลาเข้าพักอย่างน้อย 3 คืนในประเทศไทย โดยทีเส็บจะให้การสนับสนุนเป็นมูลค่า 1 ล้านบาท สำหรับองค์กรเหล่านี้ซึ่งได้ทำสัญญากับผู้จัดการประชุมในประเทศไทย หรือมีการใช้สถานที่จัดการประชุมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ มีโครงการด้านการพัฒนาสังคม (CSR) เป็นส่วนหนึ่งของจัดการประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล
“อุตสาหกรรมไมซ์มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม โดยช่วยสร้างรายได้ให้แก่เศรษฐกิจไทยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท หรือ 2,660 ล้านดอลล่าร์ต่อปี เชื่อว่าแคมเปญ Mega Events … Sustainable Challenge ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่นๆ จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจไมซ์ของไทย ทีเส็บคาดว่าในปี 2557 จำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 เป็น 987,000 คนต่อปี และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 96,900 ล้านบาท หรือ ประมาณ 3,260 ล้านดอลล่าร์” นางสาววิชญา กล่าว
ระหว่างเดือนตุลาคม 2555 ถึงสิงหาคม 2556 มีนักเดินทางกลุ่มไมซ์เดินทางเข้ามาในประเทศไทยรวมประมาณ 993,072 คน โดยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยประมาณ 86,280 ล้านบาท (2,870 ล้านดอลล่าร์) แบ่งเป็นกลุ่มการประชุมนานาชาติ จำนวน 318,663 คน กลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล จำนวน 247,888 คน กลุ่มการประชุมองค์กร จำนวน 237,701 คน และกลุ่มงานแสดงสินค้านานาชาติ จำนวน 188,820 คน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ส่วนงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
อริสรา ธนูแผลง โทรศัพท์ 02-694-6095 อีเมล arisara_t@tceb.or.th