กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน
ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน เผยฮ่องกงยังคงเป็นตลาดสำคัญสำหรับตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในอนาคต ถึงแม้ว่าจะประเทศขนาดเล็กและอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงก็ตาม
มร. แดนนี่ ซู นักวิเคราะห์ด้านไอซีที บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลกกล่าวว่า การที่รัฐบาลฮ่องกงให้การสนันบสนุนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ฮ่องกงยังคงเป็นศูนย์กลางของผู้ให้บริการดาต้าเซนเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ซู กล่าวว่า ฮ่องกงเป็นประตูไปสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนและมีนโยบายเสรี จึงทำให้บริษัทข้ามชาติมาตั้งออฟฟิศ โดยเฉพาะสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนด้านต่างๆ รวมถึง ความต้องการบริการด้านดาต้า เซนเตอร์ ตามมา
นักวิเคราะห์จากฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวนเปิดเผยว่า ตลาดผู้ให้บริการดาต้าเซนเตอร์ในฮ่องกง คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 15.3 และมีมูลค่าสูงถึง 802.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี2562อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการอาจเลือกที่จะย้ายศูนย์บริการออกนอกฮ่องกง เพื่อลดค่าใช้จ่าย และรองรับความต้องการธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
การขยายตัวของคลาวด์ คอมพิวติ้งในตลาดดาต้า เซนเตอร์ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเป็นการตัวการสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ให้บริการเนื่องจากก่อให้เกิดการเติบโตของรายได้ที่ชัดเจน
ฟรอสต์ แอนด์ซัลลิแวนยังประเมินว่า ทุก ๆ 1 ดอลล่าร์ที่มีการใช้จ่ายเพื่อบริการด้านคลาวด์ จะต้องมีการลงทุนในด้านการเชื่อมต่อโฮสติ้ง และระบบความปลอดภัยของข้อมูลเพิ่มด้วยอีกประมาณ 20-25 เซนต์
"ในอนาคต งบประมาณของ IT จะเปลี่ยนเป็นการจ่ายค่าบริการรายเดือนมากกว่าจะเป็นงบลงทุนก้อนใหญ่และคงจะกระจายไปตามแต่ละแผนก มากกว่าที่จะรวมเป็นงบลงทุนด้าน IT และฝ่ายITของแต่ละองค์กรมีแนวโน้มที่จะลดขนาดลงและงานต่างๆจะถูกถ่ายโอนไปอยู่กับผู้ให้บริการระบบมากกว่า”
นอกจากนี้ ซูยังได้ให้ข้อสังเกตว่าบริษัทข้ามชาติจำนวนมากที่มีฐานอยู่ที่ฮ่องกงได้เล็งเห็นการเจริญเติบโตในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคทำให้ผู้ให้บริการคลาวด์มีแนวโน้มจะขยายบริการในประเทศใกล้เคียงด้วยเช่นกัน