เด็กเมือง - เด็กปักษ์ใต้ กับชีวิตในค่ายกิจกรรม 4 วัน 3 คืน

ข่าวทั่วไป Tuesday April 5, 2005 13:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
เด็กเมือง - เด็กปักษ์ใต้ กับชีวิตในค่ายกิจกรรม 4 วัน 3 คืน ในโครงการแฟนต้ายุวทูต ประจำปี 2548
เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว สำหรับน้อง ๆ ที่เข้าร่วมประกวดในโครงการแฟนต้ายุวทูต ประจำปี 2548 เปิดประเดิมที่เวทีของน้อง ๆ จากกรุงเทพฯ และภาคใต้ ในรอบสองด้วยกิจกรรมเข้าค่าย 4 วัน 3 คืน จัดให้มีขึ้นในปีนี้เป็นครั้งแรก เพื่อให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาตนเอง ทั้งทางด้าน AQ พัฒนาการที่จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกเชื่อมั่น และมั่นใจในตนเอง, EQ พัฒนาการทางด้านอารมณ์ , IQ พัฒนาการทางด้านสติปัญญา และMQ พัฒนาการทางด้านศีลธรรม ที่สำคัญยังฝึกการช่วยเหลือตนเอง และการอยู่ร่วมกันในสังคม อีกทั้งอยากให้เด็ก ๆ ได้เป็นตัวของตัวเอง เพื่อดึงความสามารถแสดงความเป็นแก่นแท้ของตัวเองออกมา ถือว่า เด็ก ๆ ที่จะมาเป็นแฟนต้ายุวทูต ไม่เพียงแต่จะได้เด็กเก่ง เรียนดี แล้ว ยังเน้น พัฒนาการต่าง ๆ ทั้งทางอารมณ์ สังคม การทำงานเป็นทีม กล้าพูดกล้าแสดงออก มีความเป็นผู้นำ รู้จัก เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น โดยจะเฟ้นหาน้อง ๆ คนเก่ง เพียง 10 คนของแต่ละภาคเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศต่อไป
“ค่าย เปรียบเหมือนท่อกลวงขนาดใหญ่ มีระยะยาวของท่อเป็นวันตามระยะเวลาที่กำหนด ภายในบรรจุด้วยกิจกรรมต่าง ๆ และมีสภาพแวดล้อมที่ได้รับการจัดขึ้นอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับ ชาวค่าย เมื่อเด็ก ๆ ชาวค่ายเข้ามาในท่อ และสัมผัสกับกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมทั้งสภาพแวดล้อมภายในท่อ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย เมื่อหลุดออกจากท่อแห่งค่าย เด็ก ๆ เหล่านั้นจะมีพัฒนาการขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนด” และนี่คือปรัชญาสากลที่ใช้กันทุกค่าย รวมทั้งของ แฟนต้ายุวทูต มาเริ่มต้นกับกิจกรรมแรก “ฉลาดเล่น ฉลาดเลือก ฉลาดล้ำ” เป็นการเล่นที่ต้องใช้ความคิดและจินตนาการเข้าช่วย เท่านั้นยังไม่พอ ยังได้ร่วมกันทำงานเป็นทีม ภายใต้ กฎเกณฑ์ ของเวลา จะต้องมีการวางแผน เป็นขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น ฐานสร้างดาวไว้ในกำมือ, ฐานตึกระฟ้าท้าประชันความสูง, คีบของมองปัญหา, ออเคสตร้านานาสถานที่, จินตนาการสานสัมพันธ์, ภาพปริศนาพาสนุก เป็นต้น
วอล์ค แรลลี่ ภาษาชาวแฟนต้าเรียกกันว่า “โหด มัน ฮา” กิจกรรมนอกสถานที่ที่ผู้เล่นจะต้องมีความอดทนเป็นที่ 1 มีน้ำใจ รู้จักการทำงานเป็นทีม นอกจากการฝึกสมอง ยังทำให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลัง ทั้งโหดและฮาสมชื่อทำเอาเด็ก ๆ เหงื่อตกไปตาม ๆ กัน อาทิ ฐานสามัคคีคือพลัง (สกีบก), ฐานรวมกัน เราอยู่, ฐานกู้ภัยระเบิด, ฐานกู้ภัยแล้ง, ฐานร่วมใจไปด้วยกัน, ฐานฮูลาฮูป หรรษา ทุกครั้งหลังจากจบฐานกิจกรรมทุกฐาน จะมีการสรุปเนื้อหาของกิจกรรม โดยวิทยากรประจำฐาน ทำให้น้อง ๆ ได้ทราบว่ากิจกรรมที่ได้ทำไปนั้น ประสพความสำเร็จ หรือ ล้มเหลว อย่างไร มีจุดไหนที่ต้องแก้ไขหรือ เพราะอะไรถึงทำได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่เปิดให้เด็ก ๆ ได้แสดงความสามารถของตัวเอง เช่น ทำแซนวิช ที่ให้เด็ก ๆ ได้ละเลงฝีมือกันอย่างเต็มที่ สนุกสนาน แต่ขอบอก ว่าอร่อยและน่าทานใช่ย่อยเลยทีเดียว ด้านกิจกรรมศิลปินน้อยเด็ก ๆ จะได้มาบริหารสมองซีกขวาในการจินตนาการ สร้างผลงานศิลปะโดยใช้มือและหัวใจ โดยมีพี่ ๆ จากมหาวิทยาลัย ศิลปากร เป็นวิทยากร ด้านการทำสัมมนากลุ่มย่อย ที่เด็ก ๆ ต่างก็แย่งกันออกความคิดเห็น เป็นความรู้ใหม่ ๆ ให้กับพวกเขา และอีกกิจกรรมสำหรับชาวค่ายที่ไม่ควรพลาด นั่นคือ กิจกรรมรอบกองไฟ เด็ก ๆ ร่วมกันระดมสมอง กรองเอาไอเดียอันใสบริสุทธิ์ออกมาแสดงความสามารถบนเวทีในรูปแบบแพ็คทีม
ที่แน่ ๆ กิจกรรมเข้าค่าย 4 วัน 3 คืนของโครงการแฟนต้ายุวทูต ที่อะไรที่แปลกไปอีกนั่นคือการเปิดให้มีการเยี่ยมค่ายในวันสุดท้าย ให้บรรดาผู้ปกครองได้เข้าเยี่ยมบุตรหลานและชื่นชมความสามารถ รวมไปถึง ผลงานต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ ได้ทำไว้ระหว่างการอยู่ค่าย ภาพพ่อแม่ผู้ปกครองเข้ามาร่วมร้อง เล่น เต้น รำ กับ ลูก ๆ หัวเราะไปด้วยกัน มันย้ำอยู่เสมอว่า นี่คือสิ่งที่จะทำให้ครอบครัวอบอุ่นและมีความสุข ที่สุด
การได้มาใช้ชีวิตอยู่ในค่าย ทำให้เด็ก ๆ ต้องช่วยเหลือตนเองและฝึกการใช้ชีวิตอยู่กับผู้อื่น ทำกิจกรรมร่วมกัน อยู่ค่ายร่วมกันจนถึงวันสุดท้ายที่มีการปิดค่าย เด็ก ๆ หลายคนแอบเก็บความเศร้าไว้ นั่นเพราะพวกเขากำลังเริ่มจะผูกพันกับชีวิตชาวค่าย และไม่อยากที่จะจากกันไป แม้ว่า กิจกรรมเข้าค่ายจะจบลง แต่การใช้ชีวิตอย่างชาวค่ายไม่ได้จบเพียงเท่านั้น หากแต่พวกเขาสามารถที่จะนำไปปฏิบัติเมื่อยามอยู่ที่บ้านได้ ไม่ว่าจะเป็น การได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ตั้งแต่แต่งตัวเอง เก็บที่นอนเอง ฝึกตนให้มีระเบียบ และมีมารยาท ประสบการณ์จากการอยู่ค่าย เป็นสิ่งหนึ่งที่จะคิดตัวเด็กไปได้ในอนาคต
เมื่อบททดสอบในการอยู่ค่ายของเด็ก ๆ จบลง ก็ได้ผลของผู้ที่สามารถฝ่าฝัน เข้าไปถึงรอบ ชิงชนะเลิศ ในส่วนของเขตกรุงเทพฯ 10 คนได้แก่ ด.ช.ตฤณ คำพาที, ด.ญ.นพธิรา เอกสิทธิชัย, ด.ญ.ทิพาภรณ์ ชุตินิยมการ, ด.ช.พุฒิพงศ์ คงสกุล, ด.ญ.ปัณฑารีย์ เจริญไทย, ด.ญ.นวพร หมื่นหมู, ด.ช.วิภัทร จันทร์สำราญ, ด.ญ.มณิชา บัณฑิตานุกูล, ด.ญ.กุสุมา เลาหวิรภาพ, ด.ญ. ศิริพรรณ ยิ่งประทานพร และน้อง ๆ ที่ผ่านเข้ารอบจากภาคใต้ 10 คนได้แก่ ด.ญ. ณัฐกมล สุรชิต, ด.ญ. ณัฐริกา สุระกำแหง, ด.ช. สิรภพ โกฏิกุล, ด.ญ. เปรมกมล ประยูรหงษ์, ด.ญ. ชุติกาญจน์ ภูวกาญจนะ, ด.ช.ชญานิน ลำยอง, ด.ญ. ภัทรา วรินทรเวช, ด.ช. ศรัณย์ หิรัญเถกิงพันธ์, ด.ญ. ธัญลักษณ์ วัชราเวคินและ ด.ช. คอลิด บาสอ โดยการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นปลายเดือนพฤษภาคม ศกนี้ เพื่อคัดน้อง ๆ ที่จะมาเป็นแฟนต้ายุวทูต เพียงภาคละ 3 คน เท่านั้น แต่หากว่าอยากจะชมกิจกรรมของเด็ก ๆ ตั้งแต่รอบคัดเลือก จนถึงรอบสอง อย่างเต็มอิ่ม ติดตามได้ที่ช่อง ยูบีซี สปาร์ค ตั้งแต่บัดนี้ — 31 พ.ค. สนใจรายละเอียด สามารถเข้าชมได้ที่ www.fyathai.com
สุจินดา, แสงนภา, ชลธิชา
ส่วนหนึ่งของเด็กเมืองกรุง ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ในโครงการแฟนต้ายุวทูต ประจำปี 2548 กับความรู้สึกที่มีต่อค่ายกิจกรรรม
เด็กหญิงปัณฑารีย์ เจริญไทย หรือน้องเฌอแตม จากโรงเรียนเพชรถนอม สาวน้อยชื่อแปลกหู ให้แง่คิดกับการเข้าค่ายว่า “เวลาที่เราอยู่ที่บ้าน ทำตัวสบาย ๆ แต่เมื่อมาอยู่ค่าย ต้องรู้จักการวางตัวและช่วยเหลือตนเอง จะรอให้คนอื่นมาช่วยเราไม่ได้ อยู่ที่นี่ได้เตรียมชุดเองทุกวัน ว่าจะใส่ชุดไหนให้เหมาะสมกับกิจกรรม”
เด็กชายวิภัทร จันทร์สำราญ หรือน้องแบงค์ จากโรงเรียนวัดบำเพ็ญเหนือ หนุ่มขี้อายผิวสีเข้มกล่าวถึงชีวิตในค่ายว่า “เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้มาเข้าค่าย ทำให้รู้ว่า มีอะไรสนุกสนานมากมาย ได้ความรู้ใหม่ ๆ ที่สำคัญมาอยู่กับคนเยอะ ๆ ต้องมีความเป็นระเบียบ รู้จักเกรงใจเพื่อน”
เด็กหญิงนวพร หมื่นหมู หรือน้องเฟิร์ม จากโรงเรียนวังเด็กกฤตศิลป์วิทยา สาวน้อยร่างสูงเพรียว กล่าวว่า “ไม่เคยคิดเลย ว่าตนเองจะเข้ารอบ เห็นคนอื่นเขาเก่ง ๆ กันทั้งนั้น ได้มาเข้าค่าย มีเพื่อนเยอะมาก ทุกคนมีความเป็นเพื่อนให้กัน เลยไม่กลัว มาอยู่ค่ายสนุกกับงานศิลปะ เพราะเป็นความรู้ใหม่ที่ว่า เศษสิ่งของต่าง ๆ ที่เราไม่ใช้แล้ว สามารถนำมาใช้และตกแต่งในงานศิลปะได้”
เด็กชายพุฒิพงศ์ คงสกุล หรือน้องการ์ตูน จากโรงเรียนบูรณะศึกษา หนุ่มมาดกวนคนนี้ บอกแนะเคล็ดการใช้ชีวิตเด็กชาวค่ายว่า “ถึงเราจะเป็นเด็ก มีความสนุกสนาน ซน ไม่อยู่กับที่ แต่เมื่อมาอยู่ในค่าย ทุกอย่างต้องอยู่ในขอบเขต เราต้องมีมารยาทกับผู้อื่นด้วย”
เด็กชายตฤณ คำพาที หรือน้องจอม จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เล่าถึงกิจกรรมดี ๆ ในค่ายว่า “มาเข้าค่ายมีเพื่อนเยอะมาก กิจกรรมในค่ายก็หลากหลาย กิจกรรมที่ผมชอบ เป็นกิจกรรมวอล์คแรลลี่ มีฐานให้เล่นเยอะมาก ล้มลุก คลุกดินกันจริง ๆ ชอบฐานกู้ภัยแล้ง ทำให้พวกเราในทีมรู้ทักษะ มีการวางแผน และพวกเราสามัคคีกันมากขึ้นด้วย”
ส่วนหนึ่งของเด็กปักษ์ใต้ ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในโครงการแฟนต้ายุวทูต ประจำปี 2548 กับความรู้สึกที่มีต่อค่ายกิจกรรรม
เด็กชายชญานิน ลำยอง หรือน้องพี จากโรงเรียนพรศิริกุล จ. ตรัง หนุ่มน้อยหุ่นอวบอั๋น เล่าถึงชีวิตที่แตกต่างระหว่างอยู่บ้านกับอยู่ค่ายว่า “มาใช้ชีวิตอยู่ในค่าย เราจะต้องอดทน เพราะทุกอย่างที่นี่ไม่เหมือนที่บ้าน ที่สำคัญที่บ้านไม่มีฐานกิจกรรมให้เล่นพร้อมกับเพื่อนเยอะ ๆ เหมือนในค่ายอย่างนี้”
เด็กชายสิรภพ โกฏิกุล หรือน้องน๊อต จากโรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์ จ.พัทลุง เล่าถึงประสบการณ์ในการเข้าค่ายว่า
“แม้จะเคยผ่านการเข้าค่ายมาแล้ว 3 ครั้ง แต่กลับรู้สึกว่าครั้งนี้สนุกที่สุด เพราะมีเพื่อน ๆ เยอะมาก ทั้งรุ่นเดียวกัน และน้อง ๆ หลากหลายมาก ยังรวมไปถึง พี่เลี้ยง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ยังมาเล่นกับเรา ไม่เครียดด้วย ไม่รู้สึกว่ากำลังแข่งขัน หรือประกวดอะไรอยู่”
เด็กหญิงชุติกาญจน์ ภูวกาญจนะ หรือน้องจีน่า จากโรงเรียนพณิชยการพัทลุง จ. พัทลุง เล่าถึงผลที่ได้จากการเข้าค่ายว่า
“กิจกรรมต่าง ๆ มีความรู้สอดแทรกให้มากมาย อะไรที่ไม่เคยเล่นได้เล่น อะไรที่ไม่เคยทำได้ทำ ที่สำคัญทำให้เราเป็นคนกล้าแสดงออก คือ กล้าที่เข้ากลุ่ม พูดคุย แสดงความคิดเห็น กับเพื่อน อยู่บ้านเราก็มีแค่เพื่อนที่บ้าน มาอยู่ที่นี่มีเพื่อนอยู่ต่างโรงเรียน ต่างจังหวัดมากมาย แถมยังได้ ประสบการณ์ดี ๆ กลับมาด้วย”
เด็กชายศรัณย์ หิรัญเถกิงพันธ์ หรือน้องปอนด์ จากโรงเรียน ศรีสว่างวงศ์ จ. สงขลา กับความรู้สึกที่ต้องห่างจากพ่อแม่มาอยู่ค่าย
“เป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมกิจกรรมเข้าค่าย ไม่คิดว่าจะสนุกอย่างนี้ แต่ก็มีบางเวลาที่แอบแว๊บคิดถึงพ่อแม่บ้าง อย่างเวลาตอนนอน ปกติเราจะเห็นหน้าพ่อแม่ แต่นี่เราเห็นหน้าเพื่อนแทน และผมเป็นคนชอบนอนกอดแม่ด้วย แต่เมื่อมาอยู่ค่ายไม่มีแม่ก็แก้เหงาด้วยการกอดหมอน กอดเพื่อนแทน หรือไม่อย่างนั้นก็ใช้วิธีคุยกับเพื่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ”
เด็กหญิงเปรมกมล ประยูรหงษ์ หรือน้องเอ จากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา จ. ชุมพร หนูน้อยเสียงดี ที่คอยร้องเพลงสร้างความสนุกสนานให้กับเพื่อน ๆ ในค่าย กล่าวว่า
“มาใช้ชีวิตในค่าย ได้ความรู้ใหม่ ที่จะเป็นประโยชน์กับเราไปจนโต และสิ่งที่ไม่คาดฝัน คือ ครั้งนี้ได้ เพื่อนสนิทด้วย ซึ่งคอยช่วยเหลือ เป็นห่วง และ ดูแลเราตลอดเวลา การเข้าค่ายจึงเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ดีและมีคุณค่า”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัทแม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร. 0-2434-8300
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ