กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--คอร์แอนด์พีค
บทความโดย ซาราวานัน คริชแนน
ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจด้านแพลตฟอร์มและโซลูชั่นประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์
สมมติว่าคุณกำลังต้องการซื้อรถคันใหม่ คุณจะเลือกซื้อรถพอร์ช รถเมอร์เซเดส ที่มาพร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ หรือรถอเนกประสงค์ (MPV) สำหรับครอบครัว การตัดสินใจของคุณจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความเร็ว จำนวนผู้โดยสาร และราคาที่คุณสามารถจ่ายได้
เช่นเดียวกัน เมื่อคุณจะซื้อระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับองค์กร คุณก็ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ไม่ต่างจากการซื้อรถ สิ่งที่คุณให้ความสำคัญสูงสุดคือสมรรถนะหรือความจุของระบบจัดเก็บข้อมูล และแน่นอนคุณจะต้องคำนึงถึงเรื่องงบประมาณด้วย
เหตุผลทั่วไปที่ทำให้คุณต้องลงทุนในระบบจัดเก็บข้อมูล คงจะหนีไม่พ้นเรื่องความจุที่ไม่เพียงพอ ด้วยจำนวนข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากที่สร้างโดยผู้ใช้งานและสร้างโดยเครื่อง รวมถึงการไหลเวียนของข้อมูลทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างจำนวนมากภายในองค์กร ส่งผลให้การใช้ความจุของระบบจัดเก็บข้อมูลเกิดการขยายตัวในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เหตุผลอีกประการหนึ่งสำหรับการซื้อระบบจัดเก็บข้อมูลใหม่ก็คือระบบจัดเก็บข้อมูลที่คุณมีอยู่อาจมีสมรรถนะที่ดีไม่เพียงพอ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้อาจเริ่มพบว่าเกิดเวลาแฝงเพิ่มขึ้นเมื่อความต้องการใช้งานเพิ่มขึ้นในขณะที่ระบบของคุณทำงานได้ด้วยความเร็วที่จำกัด
ทางเลือกด้านสมรรถนะ
สมรรถนะถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อองค์กรของคุณกำลังพิจารณาโครงการใหม่ๆ เช่น ข้อมูลขนาดใหญ่ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับเดสก์ท็อปเสมือน (VDI) หรือแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ที่ต้องการสมรรถนะระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบเรียลไทม์ที่ต้องรองรับกระบวนการธุรกิจที่สำคัญๆ หรือระบบการเงินบางอย่างจะมีข้อกำหนดที่เคร่งครัดในเรื่องเวลาการตอบสนอง และไม่ยอมรับต่อความล่าช้าใดๆ ที่กระทบต่อการใช้งานของผู้ใช้ หรือการวิจัยที่มีการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น การวิจัยด้านจีโนม จะมีความต้องการระบบที่มีสมรรถนะสูงเป็นพิเศษเพื่อสนับสนุนการทำเหมืองข้อมูลและงานด้านการวิเคราะห์โดยเฉพาะ รวมไปถึงในการประมวลผลแบบคลาวด์ ที่ผู้ให้บริการต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านสมรรถนะและคุณภาพของบริการ
ถ้าสมรรถนะเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจของคุณ คุณจะต้องพิจารณาระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีคุณลักษณะเหมือน รถพอร์ช นั่นคือระบบจัดเก็บข้อมูลที่ใช้แฟลชอาร์เรย์
ข้อมูลในแฟลชไดรฟ์สามารถเทียบได้กับข้อมูลในสารานุกรมขนาดใหญ่ คุณก็แค่การพลิกดูหน้าต่างๆ เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องไปเดินดูตามชั้นหนังสือต่างๆ เนื่องจากสามารถเปิดดูข้อมูลได้โดยตรง โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ดังนั้น เวลาในการเข้าถึงข้อมูลจึงลดลงอย่างมาก
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) จะเหมือนกับข้อมูลในหนังสือที่ถูกจัดเก็บไว้ในชั้นหนังสือภายในห้องสมุด เมื่อคุณต้องการใช้ข้อมูล จะต้องไปที่ชั้นหนั้งสือ เพื่อเลือกหนังสือที่มีข้อมูลที่คุณต้องการ จะเห็นได้ว่ากระบวนการทางกายภาพ (หรือกลไก) เชื่องช้าและใช้เวลานาน กว่าจะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้
ด้วยเหตุนี้ คุณประโยชน์หลักของแฟลชอาร์เรย์ จึงอยู่ที่สมรรถนะในระดับสูงที่ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เวลาในการตอบสนองดีขึ้นอย่างมาก ทาง ไอดีซี ตั้งข้อสังเกตในรายงาน Worldwide Enterprise All—Solid State Storage Array 2013-2016 Forecast ว่า “ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ... โดยกำลังเปลี่ยนความเร็วของธุรกิจ และสร้างรูปแบบของระบบ 'เรียลไทม์' ได้ตามความคาดหวัง”
บริษัท ไอดีซี ระบุว่าตลาดระบบจัดเก็บข้อมูลในส่วนนี้จะขยายตัวอย่างมากในช่วงสองสามปีต่อจากนี้ โดยจะมีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยที่ระดับ 58.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2559 ซึ่งคาดว่าจำนวนความจุของระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชที่จำหน่ายไปทั่วโลกจะอยู่ที่ 611 เพตาไบต์เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 31 เพตาไบต์
การนำเทคโนโลยีแฟลชเข้ามาใช้ในองค์กรกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก เนื่องจากต้นทุนที่ลดลงของเทคโนโลยีดังกล่าว ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าแฟลชคอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่ๆ ช่วยให้ราคาของระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชทั้งหมดลดลงได้มากถึง 46 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยังสามารถจัดการความจุได้มากขึ้นกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น Hitachi Accelerated Flash นำเสนอระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช ที่มีประสิทธิภาพคิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้น 4 เท่าของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ในระบบ SAS แต่ราคาลดลง 10 เท่าจากราคาแฟลชอาร์เรย์ของเดิม นอกจากนี้ ความสามารถด้านการบีบอัดและการกำจัดข้อมูลซ้ำซ้อนในคอนโทรลเลอร์ดังกล่าวยังช่วยลดต้นทุนของแฟลชด้วยการเพิ่มความจุให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5 เท่าหรือมากกว่านั้น โดย ไอดีซี ยังระบุอีกว่าราคาของโซลูชั่น Solid State Storage Array จะลดลง 28.7 เปอร์เซ็นต์ต่อปีจากราคา 11.12 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิกะไบต์ ในปี 2555 ไปอยู่ที่ 2.88 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิกะไบต์ ในปี 2559
ถึงกระนั้น เรายังคงไม่ได้เห็นองค์กรหันมาเปลี่ยนจากดิสก์อาร์เรย์ไปใช้ระบบแฟลชทั้งหมดในทันที เนื่องจากเมื่อคิดผลรวมต้นทุนทั้งหมดแล้ว ต้นทุนต่อกิกะไบต์ของแฟลชยังคงแพงกว่าฮาร์ดดิสก์อยู่
รูปแบบไฮบริดที่ผสานสมรรถนะและมูลค่า
แฟลชอาร์เรย์ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณในกรณีที่คุณให้ความสำคัญด้านสมรรถนะโดยไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย รวมทั้งความต้องการด้านความจุของคุณไม่ได้มากมายนักเมื่อเทียบกับความต้องการด้านสมรรถนะ
อย่างไรก็ตาม บางองค์กรหรือระบบธุรกิจบางอย่างจะให้ความสำคัญกับความเร็วเป็นหลัก องค์กรบางแห่งอาจต้องการปรับใช้แนวทางแบบไฮบริดที่สามารถปรับขยายได้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านต่างๆ ภายในองค์กรของตน ในกรณีนี้ แทนที่จะเลือกพอร์ช คุณอาจหันมาเลือกเมอร์เซเดสที่มาพร้อมกับระบบเทอร์โบชาร์จแทน ด้วยการเพิ่มแฟลชให้กับโครงสร้างเดิมที่คุณมีอยู่
เมื่อปรับใช้แนวทางแบบไฮบริด องค์กรจะสามารถวางข้อมูลที่เข้าถึงบ่อยที่สุดไว้ในระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชที่มีสมรรถนะสูง ในขณะที่ข้อมูลที่เข้าถึงไม่บ่อยนักก็จะนำไปเก็บไว้ที่ฮาร์ดดิสก์ซึ่งคุ้มราคากว่า
ปัจจุบัน กระบวนการทั้งหมดนี้จะเป็นไปโดยอัตโนมัติเมื่อใช้เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ เช่น การแคชอัจฉริยะ และการจัดระดับชั้นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้การปรับใช้และการใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชทั้งองค์กรเป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเพิ่มแฟลชคอนโทรลเลอร์ เช่น Hitachi Accelerated Flash ในอาร์เรย์จัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่และใช้ซอฟต์แวร์จัดระดับชั้นข้อมูล คุณจะสามารถจัดการข้อมูลสำหรับแอพพลิเคชั่นที่ต้องการสมรรถนะสูงไปจัดเก็บอยู่ในระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช ในการเพิ่มสมรรถนะให้กับระบบ และยังได้รับประโยชน์จากความจุขนาดมหาศาลของโซลูชั่นที่ใช้ฮาร์ดดิสก์อีกด้วย
อาร์เรย์แบบไฮบริดดังกล่าวสามารถเพิ่มสมรรถนะให้กับเวิร์กโหลดหลัก เช่น บริการไฟล์, แอพพลิเคชั่นด้านเทคนิค, Microsoft Exchange, ฐานข้อมูล รวมทั้งระบบเดสก์ท็อปและเซิร์ฟเวอร์เสมือนได้ อาทิ การใช้อาร์เรย์แบบไฮบริดเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของระบบเดสก์ท็อปเสมือน (VDI) โดยที่ไฟล์บูตและไฟล์ล็อกอินโดยทั่วไปสามารถเก็บไว้บนระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช ในขณะที่ผู้ใช้สามารถใช้ความจุขนาดใหญ่ของฮาร์ดดิสก์เพื่อสร้างและจัดเก็บไฟล์เดสก์ท็อปของตนเองได้
คุณค่าที่ได้รับโดยตรง
แม้ว่าแนวทางแบบไฮบริดจะมีทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าแฟลชอาร์เรย์ทั้งหมด แต่ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟจะยังคงรับภาระหนักที่สุดในการจัดเก็บข้อมูลขององค์กร ซึ่งไม่ต่างจากรถ MPV โดยฮาร์ดดิสก์จะยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญ อันเนื่องมาจากความคุ้มค่าด้านราคาและความจุ กล่าวคือ ฮาร์ดดิสก์จะยังคงมีฐานที่มั่นในตลาดระบบจัดเก็บข้อมูลอย่างเหนียวแน่น
ฮาร์ดดิสก์อาร์เรย์จึงเหมาะสมที่สุดสำหรับแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้การจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล แต่ไม่ต้องการสมรรถนะสูง เช่น แอพพลิเคชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลไฟล์ หรืองานด้านการสำรองและกู้คืนข้อมูล องค์กรสามารถใช้ดิสก์ SATA ความจุสูงซึ่งในตลาดขณะนี้ มีขนาดความจุสูงถึง 4 เทราไบต์ หรือไดรฟ์ SAS ที่เร็วกว่า หรือจะใช้ร่วมกันทั้งสองชนิดก็ได้โดยมีราคาเพียงไม่กี่บาทต่อกิกะไบต์เท่านั้น
ทางเลือกเป็นของคุณ
จริงๆ แล้ว ระบบจัดเก็บข้อมูลไม่ได้มี “ขนาดเดียวที่เหมาะกับทุกโซลูชั่น” สำหรับทุกองค์กร ดังนั้น คุณจะต้องดูเหตุผลของคุณในการซื้อระบบจัดเก็บข้อมูล รวมทั้งยังจะต้องประเมิน และจัดลำดับความสำคัญของเวิร์กโหลดที่คุณมีแนวโน้มจะเรียกใช้ในระบบจัดเก็บข้อมูลของคุณ แล้วจึงตัดสินใจว่าคุณต้องการพอร์ช เมอร์ซีเดสที่มาพร้อมกับระบบ เทอร์โบชาร์จ หรือ รถ MPV กันแน่