กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--WorkLink
PPS เตรียมพร้อมพัฒนาบุคลากร ปรับแผนการดำเนินงาน เจรจาพันธมิตร ลุยงานเมกะโปรเจคภาครัฐ คาดธุรกิจบริหารโครงการโตต่อเนื่อง3-5 ปี เผยเดินหน้ารับงานเอกชนเพิ่มทั้งลูกค้าใหม่และเก่า เริ่มบุกตลาด AEC ทยอยรับงานบริหารโครงการทั้งในพม่าและลาว ดัน Backlog ทั้งปีโต400 ล้านบาท
นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ตลอดจนปรับแผนการดำเนินงานภายในด้านต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตเป็นอย่างมากในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยเป็นผลจากนโยบายการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาทจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมการก่อสร้างขยายตัว
“PPS ได้มีการเตรียมความพร้อมด้วยการปรับแผนการดำเนินการของบริษัทในหลายๆด้าน ทั้งการรับพนักงานเพิ่มขึ้น การพัฒนาบุคลากรการนำเทคโนโลยีไอทีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การเจรจากับพันธมิตร ฯลฯ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจบริหารโครงการที่จะเกิดจากการลงทุนโครงการเมกะโปรเจคภาครัฐ อาทิ การขยายเส้นทางรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ระบบชลประทาน และการคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ เบื้องต้นคาดว่ามูลค่างานบริหารโครงการจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนจะเข้าเสนองานโดยการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศอีกหลายแห่ง ทั้งนี้ขึ้นกับความชัดเจนของโครงการตามนโยบายของรัฐด้วย” นายธัช กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเดินหน้ารับงานจากภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงดำเนินการก่อสร้างหลายโครงการ อาทิ งานสร้างศูนย์กระจายสินค้า ของ Tesco Lotusในทุกภูมิภาค โดยดำเนินการก่อสร้างที่จังหวัดขอนแก่นไปแล้ว และมีแผนที่จะขยายต่อไปที่ภาคใต้และภาคเหนือโครงการ I Condo ของ Property Perfect รวมทั้งสิ้น 5 แห่งซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอีกด้วย
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจออกไปในประเทศเพื่อนบ้านเป็นการปูเส้นทางก่อนเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)ในปี 2558 ล่าสุดได้รับงานบริหารโครงการอาคารสนับสนุนการดำเนินการโรงไฟฟ้าในประเทศลาว (สปป.ลาว) และอยู่ในระหว่างรอผลการประมูลงานบริหารโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในประเทศพม่า มูลค่าประมาณ40 ล้านบาท ด้วยร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นนักธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งหากได้รับงานจะถือเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทจะเข้าไปสร้างฐานลูกค้าใหม่ในภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้จากการขยายตัวของโครงการต่างๆที่บริษัทเข้ารับงาน จะส่งผลให้ผลประกอบการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว พร้อมกับมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นการพัฒนาศักยภาพของการดำเนินธุรกิจและบุคลากรอีกทางหนึ่งซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทโดยตั้งเป้าว่าหากเกิดการรับรู้ผลของงานใหม่ในช่วงไตรมาส 3-4 ปี 56 จะทำให้มูลค่างานในมือเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 350 ล้านบาท ไปอยู่ที่ประมาณ400 ล้านบาท