กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บมจ.ซี.พี.แลนด์ เตรียมออกและเสนอขาย “กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท” หรือ CPTGF ปลายปีนี้ เผยจะลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารสำนักงาน-ศูนย์การค้า ระยะเวลา 30 ปี ใน 3 ทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมือง ทั้งอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 (สีลม) อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 2 (ฟอร์จูน ทาวน์) และอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) รวมมูลค่าโครงการเฉียด 1 หมื่นล้านบาท เป็นกองทุนอสังหาฯผสมที่ใหญ่ที่สุด ที่ลงทุนในอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า บลจ.กรุงไทย ในฐานะผู้จัดการกองทุน เผยนอกจากสินทรัพย์ทั้ง 3 โครงการจะมีโอกาสเติบโตสูง เพราะอยู่ในเขตธุรกิจการค้าที่สำคัญแล้ว ยังบริหารจัดการโดย ซี.พี.แลนด์ ที่มีประสบการณ์และชื่อเสียงในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างยาวนานถึง 25 ปี มั่นใจนักลงทุนตอบรับคึกคัก
นายสมเกียรติ เรือนทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียงในการพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในกรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยมานานกว่า 25 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขาย “กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท” (CPTGF) ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทสำนักงานและศูนย์การค้าเป็นระยะเวลา 30 ปี ใน 3 ทำเล ประกอบด้วย อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 (สีลม) อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 2 (ฟอร์จูน ทาวน์) และอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) รวมมูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ “กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท” เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ผสมผสานระหว่างอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า ใน 3 โครงการ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสริมสร้างฐานลูกค้าซึ่งกันและกันแล้ว ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ขณะเดียวกัน ขนาดของกองทุน ราว 1 หมื่นล้านบาท ยังนับเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ผสมที่ลงทุนในอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งขณะนี้กองทุนกำลังอยู่ระหว่างการรออนุมัติจัดตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
นางชวินดา หาญรัตนกูล รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการกองทุน “กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท” กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่ดินและอาคารประเภทสำนักงานและศูนย์การค้าเป็นระยะเวลา 30 ปี ใน 3 ทำเล โดยมีพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด 131,915 ตารางเมตร ซึ่งทั้ง 3 ทำเลตั้งอยู่ในเขตธุรกิจการค้าที่สำคัญ ได้แก่ สีลม รัชดาภิเษก-พระราม 9 และพญาไท มีการคมนาคมที่สะดวกและอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า (BTS) สถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) และสถานีรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสความสามารถในการสร้างรายได้ที่มั่นคงและเติบโตได้ในอนาคต และจะทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราที่น่าพอใจ
“สำหรับจุดเด่นของกองทุนอยู่ที่ผู้เช่าอาคารสำนักงานเป็นฐานลูกค้าที่ใช้บริการของศูนย์การค้า จึงทำให้ผู้เช่าพื้นที่ของศูนย์การค้ามีรายได้อย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันพื้นที่ศูนย์การค้าที่มีผู้ให้บริการทางด้านอาหาร ธนาคารและร้านค้าต่างๆ ทำให้ผู้เช่าอาคารสำนักงานมีความสะดวกสบาย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจเช่าพื้นที่ของผู้เช่าอาคารสำนักงาน โดยรายได้ค่าเช่า จากอาคารสำนักงานและรายได้ค่าเช่าจากศูนย์การค้าที่สนับสนุนกันและกัน ทำให้เชื่อมั่นถึงโอกาสและการเติบโตของรายได้ของกองทุน” นางชวินดากล่าว
ด้าน นายวีระพงศ์ ศุภเศรษฐ์ศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า ทรัพย์สินมีผลการดำเนินงานในอดีตที่โดดเด่น โดยอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 (สีลม) เป็นอาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ในเขตใจกลางธุรกิจ (CBD) ของกรุงเทพฯ ด้วยอัตราการเช่าเต็มร้อยละ 100 ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา และมีความสามารถในการขึ้นค่าเช่าพื้นที่ส่วนสำนักงานในอัตราร้อยละ 10 สำหรับรอบสัญญาทุกๆ 3 ปี ขณะที่อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 2 (ฟอร์จูน ทาวน์) มีจุดเด่นด้านการเป็นศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์ไอทีและมีอาคารสำนักงานอยู่ด้านบน อาคารตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกซึ่งเป็นถนนสายเศรษฐกิจ-การเงินเส้นใหม่ของกรุงเทพมหานคร มีอัตราการเช่าทั้งส่วนสำนักงานและศูนย์การค้าในอดีตเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 97 และอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) ที่เป็นอาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ในเขตพญาไทใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นอีกพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ อาคารมี skywalk เชื่อมสู่รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงค์โดยตรง สำหรับผลการดำเนินงานของอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) นั้นดีขึ้นเป็นลำดับนับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2552 โดยในปัจจุบันมีอัตราการเช่าร้อยละ 100 สำหรับพื้นที่ทั้งส่วนอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า
ขณะที่ นายวิรัช มรกตกาล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทยแอดไวซ์เซอรี่ จำกัด ในฐานะ ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หากพิจารณาจากสินทรัพย์ในกองทุนรวมที่มีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ สิทธิการเช่าในที่ดินและอาคารประเภทสำนักงานและศูนย์การค้าของอาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 2 (ฟอร์จูน ทาวน์) ซึ่งกองทุนจะลงทุนในสัดส่วน ร้อยละ 56 ที่เหลืออีกร้อยละ 34 ลงทุนในสิทธิการเช่าในที่ดินและอาคารประเภทสำนักงานและศูนย์การค้าของอาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 1 (สีลม) และลงทุนในสิทธิการเช่าในที่ดินและอาคารประเภทสำนักงานและศูนย์การค้าของ อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) อีกร้อยละ10 โดยก่อนที่กองทุนรวมจะเข้าลงทุนอาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 2 (ฟอร์จูน ทาวน์) ได้รับการปรับปรุงระหว่างปี 2554 — 2555 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) ระหว่างปี 2552 — 2554 ส่วนอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 (สีลม) มีแผนปรับปรุงอาคารให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ภายหลังจากจัดตั้งกองทุนรวมแล้ว บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) จะยังคงเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี ทำให้เชื่อมั่นว่า ทรัพย์สินจะได้รับการดูแลรักษาและการบริหารจัดการเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของรายได้ค่าเช่าและสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนที่ลงทุนใน “กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท” ได้อย่างน่าพอใจ
ด้าน นายสิทธิไชย มหาคุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะ ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีนักลงทุนสถาบันหลายแห่งแสดงความสนใจในการลงทุน “กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท” เนื่องจากเชื่อมั่นในความสามารถในการบริหารอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าของ ซี.พี.แลนด์ ประกอบกับจุดเด่นของโครงสร้างกองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลายทำเลที่ตั้ง รวมทั้งขนาดของกองทุนที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ น่าจะสนับสนุนสภาพคล่องในตลาดรองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นการลงทุนทางเลือกที่น่าสนใจ และเหมาะกับสถานการณ์การลงทุนในขณะนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในระดับที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ โดยอัตราการเพิ่มของค่าเช่าโดยธรรมชาติแล้วจะเติบโตมากกว่า อัตราเงินเฟ้อ จึงเป็นการลงทุนที่มีส่วนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Protection) ได้ด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดี และโดยทั่วไปจะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญ
“เราเชื่อมั่นว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่หลากหลายทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าผู้ฝากเงินธนาคาร และเชื่อว่าด้วยจุดเด่นของกองทุน ที่บริหารจัดการอย่างมืออาชีพโดย “ซี.พี.แลนด์” และศักยภาพด้านทำเล ผนวกกับโอกาสในการเจริญเติบโตของธุรกิจอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน ซึ่งขณะนี้ทางธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย บริษัทกรุงไทยแอดไวซ์เซอรี่ จำกัด และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึง บลจ.กรุงไทย ในฐานะผู้จัดการกองทุน ได้เตรียมความพร้อมในการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวให้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่” นายสิทธิไชยกล่าว