กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--โฟร์ พี แอดส์
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวระหว่างลงพื้นที่ร่วมขบวนกับนายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะ เพื่อรณรงค์ป้องกันไข้เลือดออกบริเวณถนนเจริญนคร ซอย 55 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานครว่า ขณะนี้สถานการณ์ไข้เลือดออกทั่วประเทศโดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้น ยอดรวมทั่วประเทศขณะนี้มีรายงานผู้ป่วยประมาณ 130,000 ราย เสียชีวิต 124 ราย ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยประมาณ 2,800 รายและคาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะลดลงเรื่อยๆ แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กๆปิดเทอม เด็กจึงอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับมีฝนตกติดต่อกันเกือบทุกวัน อาจมีน้ำท่วมขังจากฝนที่ตกและจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์อย่างดีของยุงลาย ทำให้เด็กๆที่อยู่กับบ้านเสี่ยงต่อการถูกยุงกัดและเป็นโรคไข้เลือดออก ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้การรณรงค์ป้องกันไข้เลือดออกจึงเน้นในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเป็นส่วนใหญ่
โดยขอให้ประชาชนช่วยกันจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในบ้านและชุมชน ที่สำคัญคือปัญหาขยะในชุมชนแออัดที่มักจะมีการทิ้งขยะบริเวณรอบๆบ้านจำนวนมาก ขยะเหล่านั้นเมื่อฝนตกก็จะกลายเป็นภาชนะอย่างดีที่รองรับน้ำฝนและเป็นบ่อเกิดของยุงลาย ซึ่งเป็นปัญหาไข้เลือดออก และยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงและพาหะนำโรคอย่างแมลงสาบ หนู และแมลงวัน ดังนั้นจะต้องกำจัดขยะมูลฝอยและเศษอาหารให้ถูกวิธี โดยเก็บใส่ถุงดำผูกปากถุงให้มิดชิด ทำความสะอาดบ้านและครัวให้สะอาด ไม่ให้มีเศษหรือกลิ่นอาหารเหลืออยู่ เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหนูและแมลงสาบ ซึ่งเป็นพาหะที่นำเชื้อโรคมาสู่คน เพราะแมลงสาบกินอาหารได้แทบทุกชนิดทั้งพืชและสัตว์ ตั้งแต่อาหารที่สกปรก เน่าเสียตามกองขยะ ตลอดจนอาหารที่คนรับประทาน เมื่อแมลงสาบกินหรือเดินผ่านอาหารก็จะสำรอก หรือไม่ก็ถ่ายมูลลงบนอาหาร ทำให้ผู้รับประทานอาหารได้รับเชื้อและเจ็บป่วยได้
“สำหรับวิธีการกำจัดแมลงสาบต้องรักษาความสะอาดบ้านเรือนเป็นประจำ กำจัดขยะมูลฝอยและเศษอาหารอย่างถูกวิธี ใช้ถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อช่วยลดจำนวนแมลงสาบ ทั้งนี้กรมอนามัยได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงสาบมาแจกจ่ายประชาชนด้วยและยังได้แจกอีเอ็ม เพื่อนำไปกำจัดน้ำเสียบริเวณชุมชน โดยให้ใช้ทุกๆ 7 วัน เพื่อลดปัญหาน้ำเสียและป้องกันไข้เลือดออก รวมทั้งได้จัดหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่ เพื่อให้คำปรึกษาให้ความรู้และข้อแนะนำเกี่ยวกับการฝากครรภ์ การตรวจมะเร็งปากมดลูก ตรวจพัฒนาการเด็ก ตรวจเบาหวาน และฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี เพื่อสร้างสุขภาพดีให้เกิดขึ้นภายในชุมชนด้วย”