กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--
นักวิชาการกังวลแผน PDP 2013 ไม่ฟังความเห็นภูมิภาค ส.ว. หวั่นใช้ก๊าซธรรมชาติมากเกินไปอาจขาดความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
ฟังความเห็นร่างแผน PDP 2013 ล่าช้าอาจไม่ทันสิ้นปี นักวิชาการหวั่นไม่ฟังความเห็นภาคประชาชน ต้องจัดเวที PDP ภูมิภาคได้แล้ว ส.ว. ชี้แผน PDP 2013 ต้องลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติที่ปัจจุบันใช้ถึง 68% แนะใช้พลังงานที่มีเทคโนโลยีที่สะอาด-กระจายโรงไฟฟ้าและสายส่งให้ครอบคลุม
เมื่อวันที่ 9 ต. ค. 56 ที่ผ่านมาในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามแผนการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพของประเทศไทย วุฒิสภา ได้มีการพิจารณาความคืบหน้าการจัดทำค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าสำหรับจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย PDP ฉบับใหม่ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการจัดทำค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าของประเทศไทย โดยเชิญอาจารย์เดชรัตน์ สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว
อาจารย์เดชรัตน์ระบุว่าปัจจุบันการร่างแผน PDP 2013 มีความล่าช้า โดยเฉพาะการประชุมคณะทำงานทบทวนสมมติฐานแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งในปี 2556 นี้ยังพึ่งประชุมไปครั้งเดียวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งจากการประชุมยังคงมีข้อถกเถียงกันเรื่องการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า (Load Forecast) เรื่องนิยามของพลังงานถ่านหินสะอาด และเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้สิ่งที่ตนเป็นห่วงนั่นก็คือการเริ่มต้นรับฟังความเห็นในส่วนของภูมิภาคต่างๆ ซึ่งหากจะให้แผน PDP 2013 เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ เดือนตุลาคมนี้ก็ควรต้องมีการเริ่มจัดเวทีในภูมิภาคต่างๆ ได้แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ไม่อยากให้มีการดำเนินการแบบรวบรัดแบบที่แล้วมา
อาจารย์เดชรัตน์ระบุว่าหากแผน PDP 2013 ได้มีการรับฟังความเห็นจากประชาชนภาคส่วนต่างๆ แล้ว เชื่อว่าในการต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าจะจำกัดวงแคบลงมาเพราะมีการให้ข้อมูลจากทุกฝ่าย
อนึ่งในการหารือในที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 56 ที่ผ่านมานั้นนายวิบูลย์ ได้หารือในประเด็นเรื่องการจัดทำแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้า PDP 2013 ผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี ดังนี้
จากที่ขณะนี้กำลังผลิตไฟฟ้าของไทยใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติถึง 68% และจากการประมูลได้ IPP สร้างโรงไฟฟ้าใช้ก๊าซเพิ่มอีก 5,400 MW ดังนั้นในการจัดทำแผน PDP 2013 ที่กำลังเร่งให้เสร็จปลายปีนี้ต้องคำนึงถึงเชื้อเพลิงที่จะใช้สำหรับโรงไฟฟ้าที่จะสร้างใหม่ในแผน PDP 2013 ต้องไม่ใช้ก๊าซ เพราะขณะนี้ก๊าซธรรมชาติที่มีไม่เพียงพอให้ใช้เพิ่ม ต้องใช้ LNG ซึ่งแพงกว่าก๊าซที่ใช้อยู่ประมาณเท่าตัว และการใช้ก๊าซมากๆ จะเสี่ยงต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าอย่างมาก
และควรหันไปใช้ถ่านหินสะอาดหรือนิวเคลียร์ เพราะขณะมีนี้เทคโนโลยีที่สามารถควบคุมได้ รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ในขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านกำลังสร้างกันจำนวนหลายโรงแล้ว และเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจก็ควรออก พ.ร.บ. ควบคุมมาตรฐานต่างๆ ใช้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวดด้วย
นอกจากนี้ในการสนับสนุนการใช้หญ้าเนเปียร์ ตามที่กระทรวงพลังงานได้เคยประกาศให้ได้ 10,000 MW นั้น ต้องคำนึงถึงพื้นที่ที่จะใช้ปลูกหญ้าจำนวนมาก และราคาที่อาจจะสูงขึ้นมากในอนาคต รวมทั้งต้องเร่งเจรจาจัดหาพลังงานไฟฟ้าพลังน้ำจากพม่าที่มีศักยภาพอยู่มาก และซื้อเพิ่มจากลาวให้มากขึ้น
รวมทั้งต้องกำหนดให้โรงไฟฟ้าและสายส่งที่จะสร้างใหม่กระจายให้ทั่วแต่ละพื้นที่สามารถรองรับความต้องการในพื้นที่ได้ และสายส่งกระจายไปให้สามารถถ่ายโอนได้เพื่อลดการสูญเสียในระบบ และลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟฟ้าดับ
สุดท้ายต้องกำหนดให้มีการประชาสัมพันธ์ให้มีการสนับสนุนให้ประชาชนใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน