FVC เคาะราคาไอพีโอ 1.20 บาท เปิดขาย 17-18,21 ต.ค.56 ดีเดย์เข้าเทรด 29 ต.ค.นี้-มั่นใจพื้นฐานแกร่ง-กระแสตอบรับดีเยี่ยม

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 14, 2013 11:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ต.ค.--IR network บมจ. ฟิลเตอร์ วิชั่น หรือ FVC เคาะขายไอพีโอหุ้นละ 1.20 บาท กำหนดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 17-18 และ 21 ต.ค. 2556 ได้ฤกษ์ดีเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 29 ต.ค. นี้ แต่งตั้ง บล. คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำจัดจำหน่ายหุ้น “ชูพงศ์ ธนเศรษฐกร” มั่นใจกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเยี่ยม จากปัจจัยพื้นฐานที่ดีและที่ผ่านมาผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่องตอบรับกำลังซื้อผู้บริโภคเติบโต ด้าน “ดร.วิจิตร เตชะเกษม” ระบุนำเงินทุนไปใช้เพื่อขยายธุรกิจรอบรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน กลุ่มเตชะเกษมซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จับหุ้นติดไซเร็นต์พีเรียดทั้งหมด ขอให้มั่นใจได้วันแรกไม่มีการขายหุ้นออกมาแน่นอน นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่าได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 59.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมีค่า P/E ratio อยู่ที่ 11 เท่า กำหนดเปิดให้จองหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 17-18 และ 21 ตุลาคมนี้ และคาดว่าสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ในวันที่ 29 ตุลาคม 2556 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "FVC" พร้อมกันนี้ยังมี บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ด้วย “FVC ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ และเป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวข้องกับการบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่มีจุดแข็งมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน จัดเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจ ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางด้านธุรกิจที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง และโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคตที่จะเติบโตได้อีกมาก ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ต้องการใช้น้ำบริสุทธิ์ อาทิ โรงพยาบาล เป็นต้น ผมจึงเชื่อมั่นว่าหุ้น FVC จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก และจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนด้วย” นายชูพงศ์ กล่าวในที่สุด ดร.วิจิตร เตชะเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ. ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่าจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจให้มีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากปริมาณความต้องการของลูกค้ายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภค ศูนย์การค้า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เป็นต้น จึงมั่นใจว่าในอนาคต FVC จะสามารถขยายตัวต่อไปได้อีกมาก เนื่องจากการมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นซึ่งทำให้บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ “นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีของเราแล้ว เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกช่องทางหนึ่ง กลุ่มตระกูลเตชะเกษม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ยินดีที่จะไม่นำหุ้นในส่วนที่ไม่ติด Silent Period มาขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะเวลา 3 เดือนนับจากวันที่เข้าซื้อขาย ดังนั้นนักลงทุนทุกท่านจึงมั่นใจได้ว่ากลุ่มเตชะเกษมจะไม่นำหุ้นของบริษัทออกขายในตลาดหลักทรัพย์ ในวันแรกที่หุ้นเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อย่างแน่นอน” ดร.วิจิตร กล่าวในที่สุด บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ โดยธุรกิจหลักแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ การออกแบบ ประกอบ ติดตั้งระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ และการให้บริการ ดูแลบำรุงรักษาทีเกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ โดยบริษัทฯ เป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ทั้งจากในและต่างประเทศ เช่นระบบ กรองน้ำ ถังกรองไฟเบอร์กลาส หัวกรองน้ำอัตโนมัติ ไส้กรอง เครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตร้าไวโอเล็ต และยังมีอุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่น เครื่องจ่ายเครื่องดื่มตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ เครื่องทำน้ำแข็ง และตู้นึ่งซาลาเปา เป็นต้น นอกจากรายได้จากการจัดหาอุปกรณ์ให้ลูกค้าบริษัทยังมีรายได้หลักมาจากธุรกิจบริการหลังการขาย เช่นการเปลี่ยนไส้กรอง ซึ่งสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทคือ กลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ และแฟรนไชส์ กลุ่มธุรกิจด้านการแพทย์ และกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม โดยก่อน IPO มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 70.40 ล้านบาท และหลัง IPO ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 100 ล้านบาท ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตของรายได้ 15-20%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ