กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ทำความรู้จักกับ RZA แห่ง Wu-Tang Clanไอคอนฮิปฮอป, โปรดิวเซอร์, นักแสดงและผู้กำกับจากฮอลลีวู้ดกับบทบาท LC
ผู้ร้ายตัวกลั่น บอสใหญ่ผู้คลั่งไคล้ศิลปะการต่อสู้ที่พร้อมเด็ดหัว “จาพนม”ใน “ต้มยำกุ้ง 2-3D” ภาพยนตร์เรียลแอ็คชั่น 3 มิติ” ที่คนทั้งโลกรอคอย
คาแรคเตอร์ของ แอล ซี (รับบทโดยรีซ่า RZA) พ่อค้าอาวุธข้ามชาติ เป็นคนฉลาดมองคนออกทะลุปรุโปร่ง เจ้าเล่ห์แบบพ่อค้าที่ไว้ใจไม่ได้ จอมวางแผนและสิ่งใดที่ต้องการต้องได้มาแบบไม่เกี่ยงวิธีการ หลงใหลในศิลปะการต่อสู้แบบเข้ากระแสเลือด ชอบดูการต่อสู้ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะมวยโบราณ คลั่งขนาดที่ถ่ายเป็นวิดีโอเก็บไว้ดูแบบซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่มีเบื่อ แม้จะอยู่ท่ามกลางแผนการใหญ่ระดับโลกก็ยังสนุกกับการเห็นนักสู้เก่งๆ มาอยู่ในคอลเล็คชั่นการต่อสู้ในวิดีโอของเขารวมทั้งขามด้วย
ประวัติของ รีซ่า (RZA) ศิลปินผู้มีความสามารถอันหลากหลาย นอกเหนือจากบทบาทที่คนทั้งโลกรู้จักในฐานะไอคอนของดนตรีฮิปฮอป คือโปรดิวเซอร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่อวอร์ด,นักดนตรี,นักแต่งเพลง รวมไปถึงการเป็น 1 ในตัวจักรสำคัญในความสำเร็จของทุกอัลบั้มของ Wu-Tang Clan กลุ่มศิลปินแร๊พชาวอเมริกันที่โด่งดัง อีกบทบาทหนึ่งที่สร้างความโดดเด่นไม่แพ้กันนั่นคือการที่เข้าไปมีส่วนในงานแสดงของภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องทั้ง AMERICAN GANGSTER,COFFEE AND CIGARETTE ฯลฯ รวมทั้งรับหน้าที่ในงานดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์สุดฮิตอย่างkill bill ของเควนติน ทาแรนติโน่ และ ต้มยำกุ้ง หรือ THE PROTECTOR ในเวอร์ชั่นอเมริกา และAMERICAN GANGSTER ของผกก.ริดลี่ย์ สก็อตต์ และด้วยความหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ ภาพยนตร์ และดนตรี แฟนๆ จะได้เห็นผลงานการแสดง,เขียนบท,กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาอย่างTHE MAN WITH THE IRON FITS ที่แน่นอนว่าเขาดูแลในส่วนของเพลงและดนตรีประกอบด้วย ว่ากันว่าเขาทำหนังเรื่องนี้เพื่อคาราวะหนังชอว์บราเธอร์สและหนังกำลังภายในยุค 70 ตัวภาพยนตร์ได้นักแสดงระดับเออย่างรัสเซลล์ โครว์, ลูซี่ ลิว, เจมี่ ชุง และได้เควนติน ทาแรนตินี่มาร่วมพรีเซนท์โปรเจ็คต์ ล่าสุดรับบทตัวร้ายใหญ่สุดคู่ปรับของจา พนมยีรัมย์ในต้มยำกุ้ง 2
Q. ก่อนอื่นอยากให้รีซ่า (RZA) แนะนำตัวเองให้กับแฟนๆ ชาวไทยได้รู้จักกันก่อนที่เราจะไปพูดคุยเจาะลึกถึงการร่วมงานในโปรเจ็คต์ภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยระดับโลกอย่าง “ต้มยำกุ้ง 2-3D”
R. สวัสดีครับผมชื่อ รีซ่า ผมเป็นผู้ก่อตั้ง วูทังแคลน (Wu-Tang Clan) ซึ่งคือกลุ่มศิลปินฮิปฮอปที่มีชื่อเสียง ที่มีผลงานเพลงและมียอดขายอัลบั้มได้หลายล้านชุดทั่วโลก และมีสิ่งหนึ่งที่ผมหลงไหลนอกเหนือจากการเป็นโปรดิวเซอร์ก็คือตัวผมเองมีความรักความสนใจในหนังกำลังภายในจากเอเชีย ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ผมได้มีการนำเอาสิ่งเหล่านี้เข้ามาใส่ในงานเพลงของผม และทำให้ผมได้รู้จักกับบุคลากรในฮอลลิวู้ดอย่าง จิม จาร์มุช ที่กำกับ Ghost Dog และ เควนติน ทารันติโน่ ที่กำกับ Kill Bill และผมก็ได้มีโอกาสเริ่มทำเพลงให้หนัง มีผลงานมาแล้วประมาณ 10 เรื่อง และพวกเขาก็ได้มีการแนะนำและชักชวนว่าผมน่าจะลองเอาดีทางด้านการแสดงหนังดูบ้าง ดังนั้นผมจึงเริ่มแสดงหนังเรื่องแรกที่ชื่อ Coffee and Cigarettes ต่อมาก็เรื่อง Derailed และหลังจากเรื่องนั้น หลายคนที่ได้เห็นบอกกับผมว่าผมมีความสามารถ และก็เริ่มเสนอบทต่างๆ ให้กับผม และผมก็เริ่มชื่นชอบกับบทบาทใหม่นี้ นั่นคือการเป็นนักแสดง จนท้ายที่สุดก็นำผมเข้ามาสู่การเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยมีThe Man with the Iron Fists เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของผม โดยก่อนหน้านั้นผมได้มีโอกาสไปศึกษาการทำหนังกับ เควนติน ทารันติโน่ อยู่ประมาณ 6 ปี จากนั้นเขาก็บอกผมว่าผมสำเร็จการศึกษาแล้ว ผมกับเพื่อนสนิท อีไล รอธ จึงร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์ และผมก็รับหน้าที่ผู้กำกับ ผมก็ภูมิใจกับมันมาก ดีใจที่ได้ฝากผลงานไว้ในโลกของหนังกังฟู มันคือหนังแอ็คชั่นสุดมันส์ ส่วนภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผมที่กำลังจะเข้าฉายก็คือ ต้มยำกุ้ง 2-3D
Q. ทราบมาว่าบทบาทที่คุณได้รับในภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง 2-3D เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับบทตัวร้ายคนสำคัญที่เป็นคู่ต่อกรคนสำคัญของจาพนม
R. ครับตัวละครที่ผมได้รับบทมีชื่อว่า แอล ซี และผมสามารถพูดได้ตรงนี้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมเลยทีเดียวกับการที่ได้รับบทนี้ สำหรับแอลซี ตัวละครของผมเป็นพ่อค้าอาวุธเถื่อน เขามีธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่เขาหลงใหลที่สุดก็คือมาร์เชียลอาร์ท (ศิลปะการต่อสู้) พูดได้ว่าเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่คลั่งไคล้ในศิลปะการต่อสู้ และคอยเฟ้นหานักสู้ที่เก่งที่สุดในโลกมาอยู่ในทีม
Q. เสน่ห์ความน่าสนใจที่ทำให้ริซ่าแห่งวูทังแคลนตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในโปรเจ็คต์ภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยอย่าง “ต้มยำกุ้ง 2-3D”
R. สิ่งที่ทำให้ผมสนใจในตัวละครนี้ก็คือ ด้วยการที่ตัวผมเองถือได้ว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังแอ็คชั่นไทย อย่างเช่น องค์บาก หรือ ต้มยำกุ้ง ซึ่งการได้รับโอกาสเข้ามาร่วมงานกับ โทนี่ จา ก็คือสิ่งที่ดึงดูดผมเข้ามาร่วมแสดงในเรื่องนี้ และยังมีเรื่องของตัวละคร ปกติแล้วผมรับบทเป็นตัวละครฝ่ายดี อย่างเช่นหนังที่ผมเขียนบทและกำกับเองอย่างเรื่อง The Man with the Iron Fists ที่ผมแสดงเป็นพระเอก ดังนั้นผมจึงอยากลองรับบทเป็นผู้ร้ายดูบ้าง สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจรับบทนี้ก็คือถึงแม้ แอลซี จะเป็นผู้ร้าย แต่เขาก็มีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกับความสนใจของผม นั่นก็คือความหลงใหลในเรื่องศิลปะการต่อสู้ และผม รีซ่า ผมรักศิลปะการต่อสู้ นั่นทำให้ผมและตัวละครนี้มีอะไรบางอย่างเหมือนกัน และความสนใจแบบเดียวกันก็ช่วยให้ผมถ่ายทอดตัวตนของเขาในเรื่องนี้ออกมาได้
Q. พอรู้ว่าต้องมาถ่ายทอดตัวละครที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญขนาดนี้ คุณมีวิธีการเตรียมตัวเพื่อสวมบทแอลซีคู่ปรับของจาพนม อย่างไรบ้าง
R.ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องมีฉากแอ็คชั่นมากแค่ไหน ผมมีเวลาไม่มากนักกับผู้ออกแบบคิวบู๊ ดังนั้นผมจึงนำสไตล์ของตัวเองมาใช้ แต่ถึงกระนั้นผมเองก็ไม่ใช่คนแปลกหน้ากับศิลปะการต่อสู้สักทีเดียว ผมรู้ว่าตัวเองจะเตะหรือต่อยยังไง และตัวผมเองก็พยายามฟิตให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดตลอดเวลา ผมอยากทำอะไรมากกว่าที่พวกเขาต้องการ ผมอยากบอกพวกคุณ มันยังมีองค์ประกอบในเรื่องการแสดงอีกด้วย ซึ่งการที่จะทำแบบนั้น นั่นคือการนำบุคลิกเท่ห์ๆ ที่ผมเติบโตขึ้นมาใช้ คือการเป็นพวกฮิปฮอป ซึ่งผสมผสานกับบุคลิกของนักธุรกิจ ดังนั้นสำหรับผมแล้วตัวละครนี้... ผมคิดว่าคนดูอาจชอบเขาด้วยซ้ำ เพราะเขาเป็นคนมีเสน่ห์ แต่ท้ายที่สุดเขาก็คือผู้ร้าย และเมื่อเขาขาดสติ คุณก็จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาที่ถูกระเบิดออกมา
Q. เป็นอย่างไรบ้างในการร่วมงานกับแอ็คชั่นฮีโร่ของไทยอย่างจาพนม และปรัชญา ปิ่นแก้วผู้กำกับหนังแอ็คชั่นไทยระดับโลกอย่างองค์บากและต้มยำกุ้ง
R. ผมคิดว่า โทนี่จา เป็นแอ็คชั่นสตาร์ที่เจ๋งที่สุดในปัจจุบัน ผมเป็นแฟนผลงานของเขา ส่วน ปรัชญา ผมก็ชอบหนังของเขาเกือบทุกเรื่อง อย่างเช่น ช็อคโกแล็ต หรือ ต้มยำกุ้ง ภาคหนึ่งและสอง หรืออาจมีสาม ผมเป็นแฟนผลงานของพวกเขา ซึ่งรวมถึง พันนา ด้วย ผมพบกับทั้งสามคนในอเมริกาเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ผมทำเพลงให้กับ Kill Bill ของ เควนติน ทารันติโน่ พวกเราคุยกันว่าสักวันจะมาร่วมงานกัน และวันนั้นก็มาถึงแล้ว
Q. สำหรับเหล่าสาวกคอหนังแอ็คชั่น คุณมีอะไรที่อยากบอกให้พวกเขารู้ตัวก่อนว่าในต้มยำกุ้ง 2-3D มีอะไรเจ๋งๆ ที่ห้ามพลาด
R. แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องศิลปะการต่อสู้ที่เป็นเรียลแอ็คชั่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภาพยนตร์ที่นำเสนอโดยปรัชญา, พันนา และจาพนม ในหนังคุณจะได้เห็นฉากสตันท์ที่น่าทึ่งที่สุด ซึ่งหนังแต่ละเรื่องที่พวกเขาสร้างก็มีการยกระดับให้สูงขึ้น ทำให้คนดูยิ่งทึ่งขึ้นไปอีก และสิ่งที่ผมได้มีส่วนร่วมอีกอย่างก็คือ การนำสิ่งที่แตกต่างเข้ามา นั่นก็คือสไตล์การต่อสู้ที่แปลกแตกต่างในแบบที่ไม่มีใครเคยเห็น แต่ก็ยังมอบความเกรี้ยวกราด และรุนแรงตามสไตล์หนังแอ็คชั่น ผมคิดว่าคนดูจะรู้สึกถึงความจริงจังและพลังงานที่เกิดขึ้น พวกเรายังมีสุดยอดฝีมือมากมายปรากฏตัวในหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาริส ครัมพ์ เขาสุดยอดมาก ผมคิดว่าถ้าเขาพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ เขาอาจเป็นแอ็คชั่นสตาร์ในอนาคต แถมยังหน้าตาดีอีกด้วย คุณจะได้เห็นผู้ชายผิวดำสองคนรุมอัด โทนี่จามันบ้าดี เหมือนได้กลับไปอยู่ในถิ่นเก่าของตัวเองยังไงยังงั้น ผมยังจำฉากการถ่ายทำในวันนั้นได้ดี เราจะเห็นแอลซีที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเพราะว่าโดนโทนี่จาอัดซะน่วมเลย (หัวเราะ) มันเป็นการถ่ายทำในฉากสุดท้ายของหนัง ที่คาแร็คเตอร์ของผม แอลซีไล่ขามมาจนจับตัวได้ก็เลยเกิดฉากต่อสู้ไคลแม็กซ์ พวกเราต้องมีการพุ่งทะลุกระจกขนาดมหึมา และตกลงมาบนพื้น มันเป็นอะไรที่บ้ามาก และก็ยังมีสาวงามหญิง (รฐา) ปรากฏตัวในฉาก คุณต้องไปดูในหนังเอง ผมอยากให้ทุกคนได้ดูหนัง และสนุกกับฉากแอ็คชั่นสามมิติ พวกเรา มีการเตะก้นมากมายในหนัง ซึ่งขอบอกไว้เลยว่าสนุกมาก และผมก็ยังได้กินน้ำมะพร้าวเยอะเลย (หัวเราะ) ผมชอบน้ำมะพร้าวพอๆกับที่ผมได้อัด ขาม (หัวเราะ)
Q. แน่นอนว่าคำถามนี้ไม่ถามไม่ได้ เป็นอย่างไรบ้างกับการเล่นแอ็คชั่นกับจาพนม
R. โทนี่แกร่งมาก แต่เขาก็ยอมให้ผมอัดเขาอยู่หลายทีนะ (หัวเราะ) ไม่งั้นผมก็คงไม่สามารถมานั่งให้สัมภาษณ์อยู่ตรงนี้ได้ ผมอยากให้ทุกคนได้ติดตามชมผลงานเรื่องนี้ มาดูผมบู๊กับโทนี่จาใช่แล้ว ผู้ชายที่หมัดหนักดั่งเหล็ก สุดยอดนักรบมวยไทย ลองมาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของโลก
Q. คำถามสุดท้ายแล้วมีฉากไหนในภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง2-3Dที่คุณชื่นชอบที่อยากพูดถึง
R. ผมคิดว่าฉากที่ผมชอบที่สุดคือตอนที่ No. 20 ที่รับบทโดยหญิง (รฐา โพธิ์งาม) เข้ามาในสังเวียนเพื่อสู้กับ No. 31 ที่ผมชอบฉากนั้นก็เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอมีพิษสงแค่ไหน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเธอก็สามารถโค่นเขา และผมก็ยังชอบแนวทางที่ตัวละครของผมตื่นเต้นกับสิ่งที่เธอทำ โดยในฉากนั้นผมก็มีการแสดงในลักษณะอิมโพรไวซ์ (เล่นสด) อยู่พอสมควร และผมคิดว่ามันออกมาเท่ห์และน่าจะทำให้คนดูชื่นชอบไม่มากก็น้อย
Q. ท้ายนี้อยากฝากอะไรกับบรรดาคอหนังแอ็คชั่นและแฟนๆของริซ่าและวูทังแคลน
R. ผมอยากบอกกับแฟนๆ ทั่วโลกว่า หนังแอ็คชั่นถูกสร้างเพื่อที่จะมอบความสนุกให้กับคุณ มันคือความสุขในการได้เข้าไปดูหนัง กินป็อปคอร์น นั่งพิงเบาะ และก็สนุกไปกับสิ่งที่พวกเรามอบให้กับ ต้มยำกุ้ง 2 หรือในอเมริกาเราอาจเรียกมันว่า The Protector 2 แต่ไม่ว่าจะใช้ชื่ออะไร โทนี่ จา และ รีซ่า จะทำให้คุณทึ่งสำหรับใครก็ตามตั้งตารอหนังเรื่องนี้ เตรียมตัวพบกับฉากสตันท์ที่น่าทึ่งที่สุด จากทีมสตันท์ที่เก่งที่สุดโดย พันนา กับสุดยอดผู้กำกับ ปรัชญา รวมถึงแอ็คชั่นฮีโร่ที่เจ๋งที่สุดในยุคนี้ โทนี่ จา และผู้ชายที่เท่ที่สุด รีซ่า ผมสนุกกับมันมาก
**จาพนม พูดถึง รีซ่า
ในภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง2-3Dก็ จะมีหลายๆฉากที่ถือได้ว่าเป็นฉากไฮไลท์ของภาพยนตร์ที่ผมต้องเข้าฉากกับ รีซ่า หรือ แอลซี (ชื่อตัวละครในเรื่อง) แล้วในฉากเราต้องมีการเข้าคิวแอ็คชั่นบู๊กันหั่นแหลก ซึ่งเรื่องของมาร์เชียลอาร์ทหรือศิลปะการต่อสู้ ก็มีความแปลกใหม่ ซึ่งตลอดการถ่ายทำตัวผมเองกับรีซ่าเราต้องมาทำความรู้จักกันก่อนนะครับ เพราะเขาก็มีพื้นฐานทางด้านศิลปะการต่อสู้อยู่แล้ว ผมก็มีมวยไทย เราเลยมานั่งคุยกันว่า สิ่งไหนที่ทำแล้วจะออกมาลงตัวและสวยงามที่สุดในหนัง ซึ่งเขาก็สามารถทำหน้าที่ของเขาออกมาได้อย่างสุดยอดมากครับ การได้อยู่กับเขาและถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของพลัง เขามีสปิริตของการเป็นนักแสดงมาก และอีกอย่างก็คือเขาเป็นผู้ชายที่เป็นมิตรมาก พออยู่ด้วยแล้วก็รู้สึกมีพลัง แล้วเขาก็สอนฮิปฮอปด้วย เวลาที่เราเล่นหนังนะครับ เราก็อาจจะเครียด ก็เลยต้องผ่อนคลายด้วยการร้องแร็ป พอซีเรียสเราผิวปากมันก็จะผ่อนคลาย มันช่วยให้หนังของเรามีรสชาติ ต้องไปดูครับ ต้มยำกุ้งภาคสองครับ มีอะไรใหม่ๆแน่นอนครับโดยเฉพาะ แร็ปเปอร์กับมวยไทยครับ