กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--คลินิกวัยทองและการคุมน้ำหนัก
นพ. สมบูรณ์ รุ่งพรชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านคลินิกวัยทองและการคุมน้ำหนัก เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคอ้วนในประเทศไทยปัจจุบัน ภายในงานสัมมนาเพื่อประชาชน หัวข้อ “ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ปลอดภัยและได้ผลอย่างยั่งยืน” ณ รพ.วิภาวดี เมื่อเร็วนี้ ๆ ว่า จากรายงานสถิติแห่งชาติกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประชากรไทยมีอุบัติการณ์โรคอ้วนเพิ่มขึ้นถึง 130.6 % และจากงานวิจัยที่สำรวจเยาวชนอายุ 3-11 ปี ประมาณ 10,000 คน พบว่า เยาวชนไทยมีปัญหาเรื่องอ้วนมากถึง 13.6 % ซึ่งคาดว่าตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านี้ นั่นหมายถึงภาวะสุขภาพและอันตรายจากโรคอ้วนที่จะเกิดขึ้นกับประชากรไทยในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน โรคกระดูกและข้อเสื่อม ความผิดปกติของอารมณ์ ปัญหาทางเพศ ความผิดปกติในการกิน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคเก๊าท์ มะเร็ง และอัมพาต แนวโน้มนี้นอกจากจะชี้ถึงสุขภาพที่แย่ลงของคนไทยแล้ว ยังทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สาเหตุสำคัญที่คนไทยอ้วนมากขึ้นเพราะการบริโภคอาหารมากเกินไป ขาดการออกกำลังกาย การใช้ชีวิตแบบโลกตะวันตก กรรมพันธุ์ การใช้ยาบางชนิด และความอ้วนจากโรคของฮอร์โมนและต่อมไร้ท่อบางประเภท โดยจากการสำรวจทางกายภาพพบว่าผู้หญิงจะมีลักษณะอ้วนแบบผลชมพู่ คือ มีไขมันสะสมมากที่บริเวณสะโพกและต้นขา ส่วนผู้ชายจะมีลักษณะอ้วนแบบผลแอปเปิล คือ มีไขมันสะสมมากที่บริเวณช่วงเอวจนถึงหน้าท้องหรือพุง
“แม้ว่าคนอ้วนหรือเริ่มอ้วนแล้วจะใส่ใจในการลดน้ำหนักกันมากขึ้นด้วยวิธีการมากมาย แต่ส่วนใหญ่มักไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ เพราะคนอ้วนส่วนใหญ่จะใช้วิธีการลดน้ำหนักที่ผิดวิธี เช่น รับประทานอาหารเสริมตามโฆษณา โดยไม่มีการศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ เหมาะกับร่างกายตนเองหรือไม่ และที่สำคัญไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อความอ้วน เช่น การบริโภคอาหารเกินความจำเป็น ไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วย รวมทั้งมีไขมันสะสมในร่างกายเป็นจำนวนมาก สำหรับบางคนความอ้วนเป็นผลมาจากฮอร์โมนควบคุมในร่างกายที่ผิดปกติ การเผาผลาญในร่างกาย ฮอร์โมนควบคุมต่อมธัยรอยด์ เป็นโรคเบาหวาน เข้าสู่วัยทอง ตลอดจนพันธุกรรม เหล่านี้เป็นสาเหตุที่หลายคนยังไม่รู้ และยังใช้วิธีการลดน้ำหนักที่ไม่เหมาะสมกับตนเอง ทำให้ไม่สามารถลดน้ำหนักได้อย่างที่ต้องการ ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและรับการรักษาอย่างถูกวิธี” นพ.พรชัย ให้คำแนะนำ
สำหรับหลักการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ที่ปลอดภัยและได้ผลนั้น คุณหมอแนะนำว่า ควรเริ่มต้นลดน้ำหนักโดยกำหนดน้ำหนักที่ต้องการที่เป็นไปได้จริงและต้องเข้าใจการทำงานของร่างกาย ควรรับประทานอาหารเช้าตามต้องการ แต่ต้องระวังแป้งและน้ำตาลด้วย จากนั้นสำรวจดูปฏิกิริยาของร่างกายหลังจากน้ำหนักที่ลดลงว่ามีผลต่อสุขภาพอย่างไร
นอกจากนี้ยังต้องปรับปรุงการใช้ชีวิตในแนวสายกลาง เรื่องบุคลิกภาพก็สำคัญเช่นกัน ควรเลือกแต่งกายที่เหมาะสม ห้ามขยายหรือใส่เสื้อผ้าที่ยืดขยายได้เรื่อย ๆ ที่สำคัญควรรับฟังคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ หากต้องการใช้ยาช่วยลดน้ำหนัก ควรใช้อย่างชาญฉลาด รู้ว่าควรใช้เมื่อใด หยุดใช้เมื่อไร รวมทั้งพิจารณาผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับการรักษาโรคอ้วนด้วยการใช้ยา โดยเฉพาะยายับยั้งการดูดซึมไขมัน (Orlistat) ควรใช้ในกรณีที่ได้ควบคุมอาหารและออกกำลังกายไปแล้วระยะหนึ่งแต่ไม่ได้ผล ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้พิจารณาให้ผู้ป่วยโรคอ้วนที่เริ่มมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ความดันสูง หรือผู้ที่เริ่มมีอาการของโรคเบาหวาน เป็นต้น โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ย่อยไขมันในกระเพาะอาหาร ช่วยให้ลดการดูดซึมสารอาหารไขมันจากอาหารที่บริโภค เป็นผลให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง
นพ.พรชัย รุ่งพรชัย ยังให้ข้อคิดก่อนตัดสินใจเลือกสถานบริการด้านการควบคุมและลดน้ำหนักที่มีอยู่ทั่วไปด้วยว่า ผู้ใช้บริการต้องแน่ใจว่าโปรแกรมลดน้ำหนักที่เสนอมานั้น ได้รับการควบคุมดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักโภชนากร รวมทั้งต้องระมัดระวังสถานบริการที่เสนอขายสินค้าที่ไม่จำเป็น หรือนำเสนอว่าลดน้ำหนักได้รวดเร็ว ทันใจ โดยไม่บอกถึงการดูแลน้ำหนักให้คงที่หลังการลดน้ำหนักหรือแนะนำโปรแกรมควบคุมอาหารที่เข้มงวดมาก และนำเสนอโปรแกรมสูตรสำเร็จ สำหรับทุกคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ซึ่งตามหลักความเป็นจริงไม่สามารถจะใช้ได้กับทุกคน สถานบริการที่ดีควรมีทางเลือกในการปฏิบัติ เพื่อทำได้จริง และปฏิบัติได้ในระยะยาว--จบ--