ปลายฝนต้นหนาว ดูแลสุขภาพอย่างไรช่วยลดอาการหวัด

ข่าวทั่วไป Friday October 18, 2013 10:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--รพ.กล้วยน้ำไท 1 ฮัดชิ้วๆ แค่กๆ !! เสียงไอจามจากคนรอบ ที่มักจะมาพร้อมๆ กันในช่วงปลายฝนต้นหนาว โดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้หวัด 6-12 ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่จะเป็น 2-4 ครั้ง ผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชายเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็ก คนสูงอายุอาจจะเป็นปีละครั้ง รู้หรือไม่ ? เมื่อเราอยู่ในบริเวณที่เสี่ยงต่อการเป็นหวัด การใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก และจมูกจะช่วยป้องกัน และลดการแบ่งตัวของเชื้อโรคที่อยู่บริเวณโพรงจมูกและลำคอได้ แต่ถ้าเริ่มรู้สึกตัวว่าจะเป็นหวัดก็สามารถช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหนักได้ด้วยการนอน, ออกกำลังกายเบาๆ การกินน้ำอุ่น ฯลฯ จะช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำงานกำจัดเชื้อโรคได้ดีขึ้น และลดปริมาณของเชื้อโรคที่อยู่บริเวณทางเดินหายใจ ” นพ. อิทธิชัย วัชรีคุปต์ แพทย์สาขาอายุรกรรมทั่วไป โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 เปิดเผยว่า ” หวัดเป็นโรคที่หายได้เองด้วยการดูแลตัวเองอย่างง่ายๆ ก็สามารถหายได้ภายในไม่กี่วัน เราจะรู้สึกตัวว่าเป็นหวัดเมื่อเริ่มรู้สึกล้าๆ ตัวรุมๆ เจ็บคอ ไอ เริ่มมีน้ำมูกใสๆ หรือมีอากาศปวดศีรษะร่วมด้วย โรคจะเริ่มแสดงอาการหลังจากสัมผัสกับเชื้อโรคภายใน 16 ชั่วโมง และจะมีอาการหนักที่สุดภายใน 2 - 4 วันหลังเริ่มแสดงอาการ ซึ่งปกติจะหายได้เองภายใน 7 - 10 วัน ช่วงเปลี่ยนฤดู เรามักจะเป็นหวัดได้ง่ายเมื่อถูกลมแรงๆ ในช่วงก่อนฝนตกและถูกละอองฝน ลมที่พัดแรงก่อนฝนตกจะทำให้เชื้อไวรัสที่อยู่ตามพื้นดินฟุ้งกระจาย รวมทั้งอากาศที่เย็นลงทำให้เชื้อไวรัสอยู่ได้นานขึ้น ดังนั้นเมื่อเราสูดเอาละอองฝุ่นเข้าไป จะทำให้มีเชื้อไวรัสเกาะติดอยู่ที่โพรงจมูก และหากถูกไอฝนร่วมด้วยจะทำให้อุณหภูมิภายในเยื้อบุโพรงจมูกลดลง 1 - 2 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสหวัด ” ช่วงหน้าฝน ถ้าเรายังไม่เป็นหวัด เราสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้ด้วยการใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกและปาก เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย แต่ถ้าเราเปียกหรือถูกละอองฝนแล้ว เราสามารถลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสได้โดยใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือมือปิดบนบริเวณโพรงจมูกส่วนบนเพื่อเพิ่มอุณหภูมิ ซึ่งจะทำให้เชื้อไวรัสหวัดเจริญเติบโตได้ยากขึ้น ช่วงหน้าหนาว เราก็มักจะเป็นหวัดกันง่ายขึ้นและเดี๋ยวนี้อากาศเปลี่ยนแปลงสลับไปมา เช้าร้อน บ่ายฝน กลางคืนเย็น ทำให้ร่างกายต้องปรับระบบสมดุลภายใน ส่งผลให้ภูมิต้านทานลดต่ำลง อากาศที่แห้งในช่วงหน้าหนาวทำให้เซลล์ต่าง ๆ เช่น เซลล์เยื่อบุโพรงจมูก คอ หลอดลม ฯลฯ แห้งลงกว่าเดิม ทำให้ไม่มีน้ำมูก ( เมือก ) มาป้องกันเซลล์จากเชื้อโรค เชื้อโรคเลยสัมผัสกับเซลล์โดยตรง รวมกับอากาศที่เย็นเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสหวัด ในขณะที่ประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดที่ทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรคแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายลดลง ตัวเราและคนรอบข้างจึงมักจะเป็นหวัด ภูมิแพ้ และโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สังเกตง่ายๆ ว่าช่วงหน้าหนาวผิวจะแห้งและจะพบว่ามีน้ำมูกแห้งติดอยู่ในโพรงจมูกมากกว่าช่วงหน้าอื่น ๆ คุณหมอยังแนะนำว่า เมื่อเริ่มเป็นหวัด ไม่ควรรับประทานยาแก้ไข้ทันที่ที่รู้สึกว่าตัวรุมๆ เพราะร่างกายกำลังเพิ่มอุณหภูมิเพื่อทำการกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกาย การทานยาลดไข้จะกลับทำให้ขัดขวางการทำงานของระบบภูมิต้านทานภายในร่างกาย การป้องกัน สามารถทำได้โดยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายด้วยวิธีง่ายๆ คือรับประทานอาหารที่มีเครื่องเทศ เช่น ต้มยำไก่ร้อนๆ ที่รสไม่จัดจ้าน เพราะสมุนไพรสดที่ใส่อยู่ในต้มยำมีฤทธิ์ต้านอาการหวัดได้เป็นอย่างดี ได้แก่ พริก ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด และในเนื้อไก่ยังมีสารซีสเทอีน ซึ่งสามารถช่วยลดอาการไอ และคัดจมูกลงได้ ควรรับประทานผัก, ผลไม้, ถั่วที่มีวิตามินเอ, ซี, อี เข้านอนแต่หัวค่ำเมื่อเริ่มมีอาการและนอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงขึ้นไป เพราะการนอนหลับ และใส่เสื้อผ้าที่ทำให้ร่างกายอบอุ่นจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันจากเชื้อโรคต่างๆ รวมทั้งเชื้อหวัดได้ดี, หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งหลาย เพราะความเครียดทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง, ควรดื่มน้ำอุ่น ๆ เพราะน้ำอุ่นช่วยลดเสมหะ, ขับเสมหะ, ลดอาการเจ็บคอ และช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้นเพราะทำให้ทางเดินหายใจชุ่มชื้น ถ้ารู้สึกว่าจมูกไม่โล่งก็ควรสูดไอน้ำร้อน, นอนหมอนสูง หรือใช้ผ้าร้อนบริเวณดั้งจมูกก็จะช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้น, ควรออกกำลังกายเบาๆ เช่น โยคะ หรือเดิน, หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีคนมากและเป็นห้องแอร์เพราะเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโรคอื่นเพิ่ม, กลั้วคอด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบริเวณลำคอ ไม่ควรสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ “ หากเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังจะเป็นหวัด การดูแลตัวเองตั้งแต่ช่วงแรกที่มีอาการจะช่วยลดอาการรุนแรงของโรคได้ รวมทั้งลดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น การเสียเวลาที่จะต้องพักงาน ค่าใช้จ่ายในการรักษา เป็นต้น และการป้องกันโรคหวัดที่ดีที่สุดคือการดูแลตัวเองตามที่แนะนำ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูปลายฝนต้นหนาวที่กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ ” นพ.อิทธิชัย ฝากทิ้งท้าย
แท็ก ไข้หวัด  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ