สรุปราคาซื้อขายทองคำและGold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 9.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 18, 2013 10:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,281 เหรียญ/ออนซ์และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,318 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.17 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,850 บาท กับ 18,950 บาท และกลับมาปิดที่ 19,150 บาท กับ 19,250 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,835 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 7,332 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 0.8% แบบ 10 บาท ลดลง 3% GFV13 ปิด 19,430 บาท และGFZ13 ปิด 19,490 บาท GF10V13 ปิด 19,430 บาท GF10Z13 ปิด 19,480 บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 40.70 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,323 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 58.2 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 21.94 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 882.23 ตัน (ขายออก 3.3 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 1.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 100.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 2.18 จุด ปิดที่ 15,371.65 จุด ข่าวที่สำคัญ ทองคำดีดตัวขึ้นเพราะคาดว่าเฟดอาจจะยังคง กระตุ้นการอัดฉีดเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจต่อไปก่อนและยังทะยานตัวขึ้นต้าน เงินสกุลหลักทั้ง 10สกุลหลังจากที่สหรัฐฯยุติเรื่องเพดานหนี้ขณะที่จีนผู้ถือหุ้นพันธบัตรต่าง ประเทศที่ใหญ่ที่สุดและบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนได้ประกาศลด เครดิตสหรัฐฯลงจากระดับ A สู่ A- ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 3% สู่ระดับสูงสุด 1,324 เหรียญ พร้อมกับน้ำมันที่ทะยานตัวขึ้นมาจากที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจากการประกาศตัวเลขทางภาคอุตสาหกรรมมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้น SPDR ทำการเทขายทองคำต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีก 3.3 ตัน ปัจจุบันคงทองทีระดับ 882.23 ตัน จิม เวคคอฟ นักวิเคราะห์ จากคิทโก้กล่าวว่า ทองคำทะยานตัวขึ้นเป็นภาวะกระทิงระยะสั้นแต่ต้องทะลุผ่านแนวต้านที่สำคัญที่ระดับ 1,353.80 เหรียญขึ้นไปให้ได้ก่อนจึงจะกลับแนวโน้มเป็นขาขึ้นเต็มตัวและระดับแนวรับอยู่ที่ 1,300 เหรียญ ผลการสำรวจของ Thomson Reuters ระบุว่า CRB benchmark 12 จาก 19 ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์นั้นดัชนีปรับตัวลดลง 0.41% ที่รวมถึงน้ำมัน โลหะเพื่ออุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรบางรายการด้วย CFTC ได้รายงานว่าไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลตารางรายงานเกี่ยวกับสินค้า โภคภัณฑ์ล่วงหน้าประจำสัปดาห์ได้ที่ได้รับการควบคุมจากส่วนภาครัฐบาลสหรัฐฯ และแรงสนใจในการลงทุนยังคงไม่สดใส สภาคองเกรสบรรลุข้อตกลงในการจัดสรรงบประมาณรัฐบาลให้มีการใช้จ่ายถึง 15 ม.ค. 57 และขยายเพดานหนี้จนถึง 7 ก.พ. นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า การไม่ลงรอยกันด้านการคลังของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการหารือเรื่องการปรับลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนของเฟด เนื่องจากขณะนี้สหรัฐฯได้ส่งสัญญาณภาวะฟองสบู่ด้านอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง จากราคาบ้านที่อยู่ในระดับสูงเกินไป นายชาร์ลี อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดเองยังคงไม่สามารถที่จะเริ่มลดการอัดฉีดเม็ดเงิน8.5 หมื่นล้านได้จากที่ภาครัฐบาลได้ถูกปิดงานลงบางส่วนส่งผลต่อข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจ สำหรับวันนี้ตลาดได้เฝ้าจับตาดูถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขา Bank of New York นายวิลเลี่ยม ดัดเล่ย์ เป็นพิเศษอีกด้วย เฟดอาจจะยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง หรืออาจคงนโยบายต่อจนกว่านางเจเน็ต เยลเล็น ได้ดำรงตำแหน่งประธานเฟด คนใหม่ นักวิเคราะห์ Reuters ระบุว่า การแก้ไขปัญหาของสหรัฐฯ ไม่ได้จัดการกับปัญหาสำคัญ และสหรัฐฯยังไม่มีแนวโน้มจะหลุดพ้นจากความขัดแย้งประเด็นเพดานหนี้ที่จะจุดปะทุอีกครั้งในเดือนกพ. สหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลังจากที่ถูกเลื่อนออกไปจากปัญหา Shut Down โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษรตรประจำเดือนกันยายน ในวันที่ 22 ต.ค. ขณะที่รายงานการจ้างงานเดือนตุลาคม จะประกาศ 8 พ.ย.รวมไปถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำกันยายน จะประกาศ 30 ต.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประกาศ 29 ต.ค เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ระดับ 1.3676 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3533 ดอลลาร์สหรัฐ และเทียบกับเงินเยนอ่อนค่าลง 97.85 เยน จากระดับเดิม 98.74 เยน ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ หลังสภาคองเกรสสหรัฐลงมติเห็นชอบให้มีการเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลอีกครั้งและเพิ่มเพดานหนี้ได้ก่อนกำหนดเส้นตาย ตลาดหุ้นเอเชียเปิกบวกเช้าวันนี้บวกขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับผลประกอบการที่สดใสของภาคเอกชน ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 373K ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 358K - Philly Fed Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 22.3 ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 19.8 ตัวเลขที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้ - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำตอบรับต่อการยืดขยาย Debt Ceiling ไปในทิศทางเชิงบวก โดยราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 40 เหรียญ โดยดีดขึ้นจาก 1,283 เหรียญ ไปทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,320 เหรียญ โดยภาพรวมตลาดมีความกังวลอย่างต่อเนื่องในการแก้ปัญหาระยะสั้นชั่วคราว โดยการขยายเพดานหนี้และขยายระยะเวลาไปจนถึงต้นปีหน้า ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เองปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว เทียบกับค่าเงินยูโรขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 1.3665 ดอลลาร์/ยูโร ในขณะที่มีแรงซื้อ Short Covering ในทองคำอย่างหนาแน่น หลังจากที่ทะลุ 1,290 เหรียญขึ้นมา และก็มีแรงซื้อ Follow Buy ไปที่ 1,300 เหรียญอีกครั้งหนึ่ง ในตลาดการเงินดูจะมีความผันผวนมากซึ่งก็ไปเกี่ยวกับราคาทองคำ โดยที่ภาครัฐบาลของสหรัฐฯจะกลับมาทำงานตามปกติในวันนี้ ในขณะที่ SPDR ยังคงเป็นผู้ขายต่อเนื่องอีก 3.3 ตัน ลดการถือครองทองคำเหลือเพียง 882.23 ตัน และในค่ำคืนนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจใด จึงคาดว่าวันนี้ตลาดน่าจะเงียบเหงาหรือเคลื่อนตัวในกรอบแคบ วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำมี Technical Rebound ขึ้นมา โดยทะลุแนวต้านสำคัญสองระดับที่ 1,290 และ 1,300 เหรียญขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง ไปทำจุดสูงสุดประมาณ 1,320 เหรียญ ในขณะที่แรงซื้อส่วนใหญ่เป็นลักษณะ Short Covering อย่างไรก็ดีบริเวณ 1,326 — 1,350 เหรียญ จะมีเส้นค่าเฉลี่ยซึ่งถือว่าเป็นแนวต้านสำคัญอยู่จำนวนมาก ซึ่ง MTS Gold ไม่คิดว่าจะสามารถทะลุขึ้นไปได้ ในเชิงเทคนิคเริ่มมีลักษณะ Divergence เกิดขึ้นในทางเทรนด์ต่างๆมากขึ้นเป็นช่วงๆ และถือว่าแรงซื้อบริเวณ 1,320 เหรียญนั้น มีปริมาณการซื้อขายไม่น่าจะหนาแน่นนัก วิเคราะห์ได้ว่าในเชิงเทคนิคน่าจะเคลื่อนตัวในกรอบ 1,300 — 1,328 เหรียญในวันนี้ โดยในระยะสั้นยังมองเป็นลักษณะการแกว่งตัว ในขณะที่กรอบในระยะกลางและยาวยังเป็นแนวโน้มขาลง กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ กลยุทธ์ที่สำคัญคือการบริหารพอร์ตในสภาวะที่ตลาดมีการแกว่งอย่างมากให้ได้สมดุลที่ดี เพื่อป้องกันภาวะ Call Margin นักลงทุนควรจะปรับสถานะให้ดีและไม่ใช้ Leverage มากนัก อย่างไรก็ดีในระยะสั้นยังมองว่าราคาทองคำมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงได้อย่างต่อเนื่อง แต่ว่าในระยะสั้นๆน่าจะเป็นการแกว่งตัวค่อนข้างมาก แนวต้านสำคัญด้านบนจะอยู่บริเวณ 1,330 แนวรับด้านล่าง 1,300 เหรียญ - นักลงทุนที่ถือ Long Position แนะนำให้ขายปิดทำกำไรเป็นช่วงๆ - นักลงทุนที่ถือ Short Position แนะนำให้ยังคงปรับสภาพพอร์ทให้ดีมี Stop loss เป็นช่วงๆ Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,300 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,500 บาท Gold Futures Z13 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,350 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,620 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ