กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
โดดเด่นด้วยการออกแบบร่วมสมัยสำหรับโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของ เอชพี (HP Converged Infrastructure) ใช้งานง่าย และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว
เอชพี นำเสนอ HP OneView ระบบบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้บริโภคซึ่งเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม โดยออกแบบสำหรับโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) ทำให้ขั้นตอนการทำงานเบื้องต้นต่างๆ ง่ายดายยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานของกระบวนการทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมด ช่วยให้ทีมงานด้านไอทีปฏิบัติงานได้ดีขึ้นอย่างเด่นชัด ในขณะเดียวกันยังช่วยลดต้นทุน และ ลดข้อผิดพลาดจากการทำงานแบบแมนนวลซึ่งเป็นเหตุให้ระบบหยุดการทำงาน
จากการที่มีเทคโนโลยี as-a-service ซึ่งรวมถึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน เทคโนโลยี และความซับซ้อนในการทำธุรกิจที่มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้ช่องว่างระหว่างความต้องการทางธุรกิจและระบบไอทีดั้งเดิมขยายกว้างมากขึ้น องค์กรธุรกิจต่างกำลังดิ้นรนเพื่อที่จะส่งมอบและจัดการกับระบบไอทีโดยใช้เครื่องมือการจัดการที่มีอยู่ที่ล้าสมัยซึ่งออกแบบสำหรับยุคก่อน
HP OneView ออกแบบสำหรับเซิร์ฟเวอร์ HP BladeSystem, HP ProLiant Generation 8 (Gen8) และ HP ProLiant Generation 7 โดยสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุด และมีซอฟต์แวร์ที่ครบครันในตัว เพื่อช่วยดูแลการทำงานร่วมกันครอบคลุมทั้งดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
HP OneView ช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตให้กับผู้แลระบบไอทีด้วยยูสเซอร์ อินเตอร์เฟซที่เข้าใจง่าย และมีระบบอัจฉริยะที่ทำงานอัตโนมัติ จึงสามารถจัดการกับการทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย โดยจะช่วยลดระยะเวลาของกระบวนการทำงานร่วมกันของดาต้าเซ็นเตอร์ เช่น การนำระบบไปใช้ การอัพเดท การย้ายระบบ และการแก้ปัญหา เป็นต้น โดยลดระยะเวลาจากหลายชั่วโมงเป็นเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น (1)
ตัวอย่างเช่น การใช้ซอฟต์แวร์ในการบริหารทรัพยากรให้กับเซิร์ฟเวอร์จำนวน 16 เครื่องด้วยเครื่องมือแบบดั้งเดิมนั้น ผู้ดูแลระบบจะต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง 50 นาที แต่เมื่อใช้ HP OneView จะใช้เวลาเพียงแค่ 14 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ การถอนระบบ vLAN (virtual local area network) ออกนั้นจากเดิมต้องมีกระบวนการทำงานถึง 480 ขั้นตอน ซึ่งใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมง แต่เมื่อใช้ HP OneView จะเหลือเพียงแค่ 4 ขั้นตอน โดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที (2)
นาย ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ และผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ HP Enterprise Group เอชพี ประเทศไทย กล่าวว่า “การใช้งานโซเชี่ยลมีเดีย การนำอุปกรณ์ไอทีส่วนตัวเข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น และการเปลี่ยนไปของประชากรศาสตร์ ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน และยังทำให้องค์กรธุรกิจจะต้องแก้ปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างความต้องการด้านไอทีกับการใช้ระบบไอทีแบบดั้งเดิม ซึ่งรูปแบบของโครงสร้างพื้นฐานด้านบริหารจัดการในปัจจุบันจะยึดติดกับอดีต ในขณะที่ HP OneView เป็นก้าวแรกที่จะเป็นพื้นฐานเพื่อปรับวิธีการคิดและการทำงานทั้งหมดไปยังโครงสร้างพื้นฐานบริหารจัดการในดาต้าเซ็นเตอร์”
เทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 21 สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์
ในการพัฒนา HP OneView นั้น เอชพีได้ใช้เวลากว่า 4 ปีในการทำงานร่วมกับลูกค้าชั้นนำมากกว่า 150 ราย ในดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกกว่า 30 แห่ง เพื่อให้เข้าใจถึงต้นทุน ความไม่พอเพียงและความล่าช้าในกระบวนการต่างๆ และการทำงานจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานร่วมกันมากที่สุด
นอกจากนี้ เอชพี ยังได้ตรวจสอบแอพพลิเคชั่นทันสมัยที่ลูกค้าใช้งานทุกวัน เพื่อให้สามารถรองรับการทำงานเฉพาะด้านด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และยังนำบทเรียนที่ได้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อจัดการกับความซับซ้อน และรองรับการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์
HP OneView ใช้งานได้ง่าย ดังนั้นองค์กรธุรกิจสามารถใช้และจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น มีต้นทุนในการเป็นเจ้าของ (TCO) ลดลงถึงร้อยละ 42 และมีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 220 (3)
ประโยชน์เพิ่มเติม ได้แก่
สามารถย้ายปริมาณงานต่างๆ ได้เร็วกว่าการทำงานแบบแมนนวล 5 เท่า (4)
ใช้เวลาในการคอนฟิเกอร์เซิร์ฟเวอร์เร็วกว่าการทำงานแบบแมนนวล 9 เท่า (5)
ทำคอนฟิกูเรชั่นเน็ตเวิร์คได้เร็วกว่าการทำงานแบบแมนนวลประมาณ 24 เท่า (6)
มร. แมตต์ อีสท์วูด รองประธานกลุ่ม และผู้จัดการทั่วไป ไอดีซี กล่าวว่า “องค์กรธุรกิจที่ขาดแคลนด้านทรัพยากร ต่างกำลังมองหาระบบบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่จะมาช่วยปลดปล่อยบริษัทจากการที่ต้องใช้เวลามากมายในการทำงานประจำวันต่างๆ เพื่อให้มีเวลาเพียงพอที่จะทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทั้งนี้ ตลาดมีความพร้อมสำหรับการใช้ระบบบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสร้างขึ้นมาให้ใช้งานง่ายและตอบรับกับระบบไอทีในยุคปัจจุบัน”
HP OneView มีการทำงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้บริโภค ได้แก่
Dashboard: ช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นภาพรวมทั้งหมดของดาต้าเซ็นเตอร์ภายในเวลาไม่กี่วินาที ดูง่ายและชัดเจนไม่ว่าลูกค้าจะมีอุปกรณ์เพียงแค่ 16 ชิ้น หรือมากถึง 460 ชิ้นก็ตาม และยังให้ข้อมูลที่มากกว่าเพียงแค่กดคลิกเดียว ต่างจากเครื่องมือบริหารจัดการดั้งเดิมที่ผู้ใช้จะต้องกดมากกว่า 30 คลิก เพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลเดียวกันนี้ (4)
Smart Search: ช่วยให้ผู้ดูแลระบบหาข้อมูลสำคัญได้ภายในไม่กี่วินาที จากการค้นหาข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่บันทึกไว้แบบออนไลน์หรือออฟไลน์ ทั้งนี้ Smart Search ถูกติดตั้งไว้ในทุกๆ การทำงานเพื่อให้สามารถเข้าสู่อุปกรณ์ และข้อมูลการทำงานต่างๆ ได้ในทันที
MapView: ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ การเชื่อมต่อ ตลอดจนสถานะการทำงาน เพื่อช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถค้นหา คัดกรอง และแก้ไขปัญหาได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาทีเท่านั้น
Templates: ช่วยให้เกิดความร่วมมือของทีมงานในองค์กรในการบริหารจัดการด้านไอทีให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด เพื่อนำไปใช้งานด้วยความรวดเร็วและ ความถูกต้องในอนาคต
Activity Feed: ช่วยให้ทีมงานมีวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยเก็บรวบรวมงาน การแจ้งเตือนเกี่ยวกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และโน้ตของผู้ดูแลระบบให้มองเห็นได้ในที่เดียว
มร. มาเรียน ลาคอฟ สถาปนิกสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านสถาปัตยกรรมเทคโนโลยี สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ กล่าวว่า “เครื่องมือบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ไอทีที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ ถูกออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์การทำงานเดี่ยวเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถปรับขยายให้รองรับการทำงานในระดับดาต้าเซ็นเตอร์ได้ดีนัก จึงทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ที่จะปรับขยายบริการไอที ซึ่งจะต้องใช้บุคลากรและเวลาเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ HP OneView สร้างทิศทางใหม่ ด้วยการนำเสนอระบบบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดที่มีความยืดหยุ่นมากพอในการปรับขยายจากสภาพแวดล้อมแบบเดี่ยวเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ และเหมาะสมที่สุดสำหรับสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของทีม จากการศึกษาเบื้องต้นเรารู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมากและเชื่อว่าในอนาคต HP OneView จะช่วยให้ทีมไอทีของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ตั้งค่าและบริหารจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานไอทีของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”
เพิ่มความสามารถในการทำงานด้วยบริการสนับสนุน
หน่วยธุรกิจ HP Technology Services นำเสนอบริการที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการย้ายเครื่องมือการบริการจัดการของเอชพีในปัจจุบัน อาทิ HP Insight Control และ HP Virtual Connect Enterprise Manager ไปยัง HP OneView ทั้งนี้ ด้วยการทำงานที่ง่ายขึ้นของ HP OneView ทำให้เอชพีมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม
สิทธิ์การใช้ HP OneView ประกอบด้วย การใช้งานซอฟท์แวร์เป็นเวลา 3 ปี และการอัพเดทการสนับสนุนทางด้านเทคนิคต่างๆ นอกจากนี้ ผู้บริโภคสามารถเลือกที่จะต่ออายุบริการสนับสนุนโดยการซื้อบริการ HP Care Pack ซึ่งจะเป็นบริการในระยะเวลา 4 หรือ 5 ปีขึ้นอยู่กับการใช้ฮาร์ดแวร์ที่คาดการณ์ไว้
บริการเพิ่มเติมต่างๆ ได้แก่
HP OneView Startup Service: ช่วยลดระยะเวลาในการปฏิบัติงานและสร้างความมั่นใจว่า HP OneView จะสามารถทำงานร่วมกับสภาพแวดล้อม การทำงานของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ทั้งการติดตั้งขั้นพื้นฐานและการตั้งค่าอุปกรณ์ทั้งหมด
HP Proactive Care for OneView: รวบรวมบริการสนับสนุนเชิงรุกอย่างครบวงจรทั้งด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ด้วยบริการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของเอชพี
HP OneView Integration Service: ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าว่ามีแผนการจัดการกับข้อมูลที่มีอยู่เดิมด้วยบริการช่วยเหลือในการโอนย้ายข้อมูลเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง เพิ่มเติมจากบริการติดตั้ง และตั้งค่า HP OneView ขั้นพื้นฐาน
HP Education Services: คอร์สฝึกอบรมเพื่อให้ลูกค้ามีเครื่องมือที่จำเป็น ในการใช้งานและบริหารจัดการ HP OneView ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดจำหน่าย
HP OneView เริ่มวางจำหน่ายในเดือนตุลาคมนี้ โดยเอชพี และพันธมิตรคู่ค้า ทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีบริการ HP Financial Services พร้อมให้บริการโซลูชั่นด้านการเงินและทางเลือกในการลงทุนที่ยืดหยุ่นได้ให้กับลูกค้าอีกด้วย
ราคาเริ่มต้นจะกำหนดไว้สำหรับใบอนุญาตเดี่ยว พร้อมด้วยบริการสนับสนุนทางด้านเทคนิคเป็นเวลา 3 ปี และมีบริการอัพเกรดเมื่อซื้อพร้อมกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant โดยผ่านทางเอชพีและพันธมิตรคู่ค้าของเอชพี
ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูที่ www.hp.com/go/management-oneview
เอชพี มีกำหนดจัดงานประชุม HP Discover สำหรับลูกค้าในกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง และอัฟริกา ในวันที่ 10 — 12ธันวาคมนี้ ที่เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน
(1) Based on data provided by a beta customer as of August 2012 comparing HP OneView in a customer environment against Cisco UCS, each with 160 servers. The test was to identify services that will be affected when a network needs to be retired. HP OneView took less than 30 seconds and four steps vs. UCS which took several hours and 480 steps.
(2) Based on HP internal testing that compared HP OneView with Cisco UCS as of September 2013. The test was to identify services that will be affected when a network needs to be retired in an environment of 160 servers. HP OneView takes about 30 seconds and four steps vs. UCS, which takes about two hours and 480 steps.
(3) HP internal testing and research with HP OneView ROI calculator based on a scenario of 320 HP ProLiant BladeSystem serves managed by HP OneView over three years vs. traditional management tools.
(4) Based on HP internal testing and comparison of HP OneView vs. previous HP software and tools as of September 2013. The test was based on the time it took to migrate one or more servers to a different physical location. HP OneView took three minutes and nine steps vs. previous HP software, which took 15 minutes.