กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--ช.การช่าง
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) เผยว่า ปัจจุบัน ช.การช่างมีความมั่นคงและแข็งแกร่งมากมั่นใจในปี 2556 นี้สามารถสร้างรายได้และกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ บริษัทมีงานในมือมูลค่ากว่า 126,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างรายได้ต่อปีกว่า 30,000 ล้านบาทตลอดช่วง 4-5 ปีนี้ ทั้งนี้ยังไม่รวมงานใหม่อื่นๆ ในไตรมาส 3 ปี 56 นี้คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ9,000 ล้านบาท รวมทั้งปีมากกว่า 36,000 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นประมาณ 8-10% โครงการสำคัญที่ดำเนินงานอยู่ล้วนมีความคืบหน้าไปมาก อาทิ โครงการฝายไซยะบุรีในสปป.ลาว, โครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนฯ, โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว สัญญาที่1และ2 สายสีน้ำเงิน สัญญาที่2และ5 และสายสีม่วงสัญญาที่1และ4 ในส่วนของการลงทุนในบริษัททางด่วนกรุงเทพ (BECL) บริษัทน้ำประปาไทย (TTW) บริษัทซีเคพาวเวอร์ (CKP) สามารถสร้างกำไรและเงินปันผลมาที่ช.การช่างอย่างสม่ำเสมอ และทำให้มูลค่าการลงทุนของบริษัทเติบโตขึ้นมาก มีเพียงบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ที่ยังขาดทุนอยู่
นายปลิว ยืนยันว่า ช.การช่าง มั่นใจในการเพิ่มทุนของ BMCLจำนวน 8,550 ล้านบาทเป็นอย่างมาก โดยบริษัทจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนสำหรับบุคลลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 4,200 ล้านบาท (หุ้นละ 1 บาท) และใช้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,000 ล้านหุ้นในฐานะผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) อย่างแน่นอน การเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อ BMCLอย่างมากเพราะสามารถนำเงินที่ได้รับไปชำระคืนหนี้ ลดดอกเบี้ยและเพิ่มส่วนทุน ส่วนเงินที่เหลือก็เพียงพอที่จะไปใช้ดำเนินงาน ปัจจุบัน BMCL มีผลประกอบการที่ดีขึ้นมากแม้จะขาดทุนอยู่บ้างแต่คาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ในปี 2559 จากรายได้ค่าโดยสารและการพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่มากขึ้น และหากสามารถเปิดให้บริการสายสีม่วงได้ก่อนกำหนดจะทำให้ BMCL มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากทันที โดยในส่วนสายสีม่วงนี้บริษัทเป็นผู้จัดหาและติดตั้งระบบรถไฟฟ้าให้แก่ BMCL ด้วย นอกจากนี้การที่ส่วนทุนของ BMCL แข็งแกร่งขึ้นจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงและเป็นการเตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลเพื่อให้บริการในรถไฟฟ้าสายต่างๆ โดยเฉพาะสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-ท่าพระ-บางซื่อ ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายจากสายสีน้ำเงินที่BMCL ให้บริการอยู่และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน สายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการและสายสีชมพูซึ่งเป็นระบบโมโนเรล
นายปลิวกล่าวเสริมว่า ในส่วนโครงการไฮสปีดเทรน ที่รัฐบาลกำลังเร่งรัด ถือเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก ช.การช่างได้ศึกษาและเตรียมความพร้อมไว้แล้วโดยสามารถเข้าร่วมประมูลทั้งในส่วนงานโยธาและงานจัดหาระบบรถไฟฟ้าและหากเป็นงานให้บริการเดินรถบริษัทอาจร่วมกับ BMCL ซึ่งมีความพร้อมและประสบการณ์ด้านนี้เข้าร่วมประมูลได้ นอกจากนี้บริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมประมูลงานต่างๆโดยในประเทศจะเน้นที่งานก่อสร้างและลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทั้งที่อยู่และไม่อยู่ในพรบ. 2 ล้านล้านบาท เช่นมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช รถไฟฟ้าสายต่างๆ รถไฟรางคู่ ทางด่วน โรงไฟฟ้า ส่วนนอกประเทศที่สำคัญคืองานลงทุนและก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในสปป.ลาว และเมียนมาร์ เช่น เขื่อน โรงไฟฟ้า
บล.ไทยพาณิชย์ เห็นว่าในปี 56 นี้ CK จะมีงานในมือกว่า150,000ล้านบาทและมีโอกาสได้งานจากพรบ 2 ล้านล้านบาทจำนวนมากเพราะสามารถเป็นทั้งผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ลงทุนพัฒนาแบบ PPP ซึ่งต่างจากผู้รับเหมาทั่วไป ณสิ้นไตรมาส 2 ปี 56 CK มีกำไรสุทธิ 6,318ล้านบาทและคาดว่าจะมีกำไรสุทธิในปี 56 นี้ 7,280 ล้านบาทสูงเป็นสถิติของบริษัท โดยในไตรมาสที่3 ปี 56 นี้ CKจะรับรู้รายได้พิเศษจากการเข้าตลาดฯของ CKP อีกด้วย จึงแนะนำให้ “ซื้อ” หุ้นCK โดยมีราคาเป้าหมายที่ 30บาท ในส่วนบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆต่างมีความเห็นให้ซื้อหุ้น CK เช่น บล.เคเคเทรด ราคาเป้าหมายที่ 34.50 บาท, บล.ไอร่า ราคาเป้าหมายที่34.00 บาท, บล.ฟินันเซียไซรัส ราคาเป้าหมายที่ 29.00 บาท, บล.เอเชียพลัส ราคาเป้าหมายที่ 28.50 บาท