กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--บีโอไอ
กระทรวงอุตฯ-บีโอไอ จับมือจังหวัดอะคิตะ และ Fidea Holdings สถาบันการเงินจากญี่ปุ่น ลงนามพัฒนาความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการลงทุนระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ครอบคลุมทั้งการจัดกิจกรรมและกระตุ้นควมสัมพันธ์ หวังดึงลูกค้าเอสเอ็มอีกลุ่ม เหล็ก ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ มาไทย นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ตุลาคม 2556 กระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอ จะลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับหน่วยงานราชการ และสถาบันการเงินจากประเทศญี่ปุ่น จำนวน 2 ฉบับ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่นโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยมีนายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ Mr. Shigekazu SATO เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยร่วมเป็นสักขีพยาน
ทั้งนี้บันทึกความเข้าใจฉบับแรก เป็นการลงนามระหว่างอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กับผู้ว่าราชการจังหวัด อะคิตะ (Akita) ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของญี่ปุ่น มีความโดดเด่นและแข็งแกร่งด้านอุตสาหกรรมที่สำคัญ อาทิ การผลิตส่วนประกอบหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร อาหาร ผลิตภัณฑ์จากไม้หรือป่าไม้ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะมุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเอสเอ็มอีของไทยและญี่ปุ่นให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น จังหวัดอะคิตะพร้อมช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เอสเอ็มอีไทยขยายธุรกิจในระดับสากล
สำหรับบันทึกความเข้าใจฉบับที่ 2 เป็นความร่วมมือระหว่างบีโอไอ กับบริษัท Fidea Holdings ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัททางการเงิน มีเครือข่ายเป็นธนาคารท้องถิ่นของญี่ปุ่น 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคาร Hokuto ปัจจุบันมีสาขาให้บริการ 82 แห่ง และธนาคาร Shonai มีสาขากระจาย 80 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ และเป็นกลุ่มเป้าหมายของการส่งเสริมให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมโยงการให้บริการด้านการเงิน แก่ลูกค้าของบริษัทที่เข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับประเด็นสำคัญของความร่วมมือกันจากข้อตกลง ทั้ง 2 ฉบับ ครอบคลุมในด้านของการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจเพื่อกระตุ้นการลงทุนทางตรงระหว่างกัน การช่วยเหลือและประสานงานการจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุน ตลอดจนการส่งเสริมให้มีการสำรวจลู่ทางและโอกาสด้านการลงทุนร่วมกันให้มีแนวทางและรูปแบบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ปัจจุบันหน่วยงานรัฐและสถาบันการเงินญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการดูแลนักลงทุนที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมและบีโอไอ ได้ลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานและสถาบันการเงินจากญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในการดูแลการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การลงนามของบีโอไอกับบริษัท Fidea Holdings จะเป็นครั้งแรกที่บีโอไอจัดทำกับบริษัทที่เป็นเครือข่าย หรือโฮลดิ้ง โดยมั่นใจว่าเป็นช่องทางสำคัญช่วยให้บีโอไอ ได้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในด้านการส่งเสริมการลงทุนและศักยภาพของประเทศไทยไปยังกลุ่มลูกค้าของธนาคารที่อยู่ในเครือข่ายได้ตรงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากตามไปด้วย และนำไปสู่การตัดสินใจเข้ามาลงทุนในอนาคตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”นายอุดม กล่าว
นายอุดม กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน 2556) การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 60.3 ของการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมด โดยการลงทุนจากญี่ปุ่น มีจำนวน 448 โครงการมูลค่าเงินลงทุนรวม 211,350 ล้านบาท อุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจเข้ามาลงทุนสูงสุดอยู่ในกลุ่ม อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เหล็ก เครื่องจักรและอุปกรณ์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ กระดาษ และบริการ ตามลำดับ