กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--IR PLUS
“นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข” MD “SMPC” เผยเตรียมกลับมาเทรด 11 พ.ย. 56 นี้ หลังแก้ไขปัญหาผลการดำเนินงานได้ตามหลักเกณฑ์ที่ ตลท.กำหนด พร้อมโชว์ผลประกอบการ Q3/56 รายได้จากการขาย 582.81 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ ไตรมาส 3/2556 อยู่ที่ 47.36 ล้านบาท
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เปิดเผยว่า วันนี้ (31ต.ค.2556) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอนุญาตให้บริษัทฯ พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนโดยปลดเครื่องหมาย "SP" (Suspension) และ "NC" (Non-Compliance) รวมทั้งย้ายหลักทรัพย์ SMPC ออกจากกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non- Performing Group: NPG) และอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของ SMPC ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรมหมวดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ได้ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 โดยไม่มีการกำหนดกรอบราคาสูงสุดและต่ำสุด (ceiling & floor)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2541 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศให้บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) (SMPC) เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหลักทรัพย์และขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เนื่องจากในปี 2538 ถึง 2540 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิและมีมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิตามที่เปิดเผยในงบการเงินฉบับล่าสุดที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้วต่ำกว่าร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้ว ต่อมาในวันที่ 29 ตุลาคม 2544 ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ SMPC ในหมวด REHABCO เนื่องจากบริษัทฯ ปรับโครงสร้างหนี้ได้มากกว่าร้อยละ 50 ของมูลหนี้ทั้งหมดและแผนฟื้นฟูกิจการของ SMPC ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2548 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ SMPC เนื่องจาก SMPC นำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และปรากฏว่าบริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าศูนย์ และตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2549 ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ถอนชื่อหลักทรัพย์ของ SMPC ออกจากกระดานซื้อขายและให้อยู่ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group : NPG)ต่อมา SMPCได้ยื่นคำขอให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนและเปิดซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรมหมวดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ โดยบริษัทฯ ได้ปรับปรุงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานแล้วและแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีความพร้อมในการกลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้ง
สำหรับการปรับปรุงการดำเนินกิจการบริษัทฯ ดำเนินนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านต้นทุนต่อระบบโดยรวมในธุรกิจผลิตถังแก๊ส สำหรับบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และถังทนความดันแบบต่าง ๆ และพัฒนาการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจต่อลูกค้าการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่รวมทั้งขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศใหม่เพิ่มเติม โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเป็นเวลา 1 ปีก่อนยื่นคำขอ ซึ่งพิจารณาจากงบการเงินประจำปี 2555 เท่ากับ 175.99 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 เท่ากับ 373.70 ล้านบาทรวมทั้งสามารถแสดงได้ว่าบริษัทฯ มีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงตามสภาพธุรกิจของบริษัทฯ ไปอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในงวดสะสมก่อนยื่นคำขอ ซึ่งพิจารณาจากงบการเงินประจำไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 (งวด 6 เดือนของปี 2556) มีกำไรสุทธิเท่ากับ 53.49 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 เท่ากับ 427.19 ล้านบาทผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงาน (Strategic Shareholders) ของบริษัทฯ ได้แก่ ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมกรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของทุนชำระแล้วและผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งถือหุ้นรวมกัน 25,764,704 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 55 ของทุนชำระแล้วให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจะไม่นำหลักทรัพย์ดังกล่าวของตนออกขายภายใน 1 ปี (Silent Period) นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของ SMPC กลับมาทำการซื้อขาย โดยได้รับการผ่อนผันให้เมื่อครบกำหนด 6 เดือนสามารถทยอยขายหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ในจำนวนร้อยละ 25 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขาย
ด้านผลประกอบการไตรมาส 3/2556 สิ้นสุด 30 กันยายน 2556 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 582.81 ล้านบาท และรายได้จากการขายงวด 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2556) อยู่ที่ 1,498.67 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 3/2556 อยู่ที่ 47.36 ล้านบาท และกำไรสุทธิงวด 9 เดือน อยู่ที่ 100.85 ล้านบาท