กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
“มหกรรมเล่านิทาน อ่านและเล่นกับลูก ปี 5” ชวนเด็กๆ รู้จักประเทศอาเซียนชูคอนเซ็ปต์ “เล่า อ่าน เล่น เครื่องมือสร้างเด็กไทย สร้างเด็กอาเซียน”ชวน3 คุณแม่คนดัง เผยเทคนิคการเล่านิทานให้ลูกน้อย
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดงานแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก ปี 5” ภายใต้โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เป็นองค์อุปถัมภ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการให้กับเด็กไทย ชูคอนเซ็ปต์ “เล่า อ่าน เล่น เครื่องมือสร้างเด็กไทย สร้างเด็กอาเซียน” ซึ่งปีนี้เน้นการเตรียมพร้อมเด็กๆ เพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ณ Meeting Room 5-6 รอยัลพารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
นางสาวมนิดา ลิ่มนิจสรกุล ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองสวัสดิภาพหญิงและเด็ก กล่าวว่า โครงการเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก จัดขึ้นเพื่อเป็นการปลูกฝัง และส่งเสริมให้เกิด “วัฒนธรรมการเลี้ยงลูกด้วยการเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก” และได้มีการเพิ่มกิจกรรมวัยซน...ค้นโลก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มและพัฒนาศักยภาพของเด็กวัย 7-9 ปี ด้วยกระบวนการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ ซึ่งเป็นการน้อมนำพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ที่ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ โรงเรียนระดับประถมศึกษาในพื้นที่ 40 จังหวัด และ 16 สถานสงเคราะห์เด็กในสังกัด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ด้าน นายอนุสันต์ เทียนทอง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เล่าถึงแนวคิดและการจัดงานในปีนี้ว่า ในปีที่ 5 นี้ จะเน้นการโชว์และแบ่งปัน คือจะนำผลงานเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก และผลงานของกิจกรรมวัยซน..ค้นโลก ที่จัดประกวดในหัวข้อ “ของเล่นอาเซียน...มีเสียง” เช่น กลองจากกระป๋องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มานำเสนอให้คุณพ่อคุณแม่ไปปรับใช้เป็นของเล่นกับลูกๆ และพิเศษสำหรับปีนี้ เราใช้แนวคิดเรื่อง “เล่า อ่าน เล่น เครื่องมือสร้างเด็กไทย สร้างเด็กอาเซียน” เพื่อเรียนรู้ ความเหมือน ความต่าง การยอมรับในความเป็นมนุษย์หล่อหลอมความเป็นหนี่งเดียวของคนในชาติและคนในอาเซียน โดยนำประสบการณ์และผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก และกิจกรรมวัยซน...ค้นโลก ประกอบกับสาระบันเทิง และเรื่องที่น่าสนใจมานำเสนอ ภายใต้พื้นที่แสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯ และโชว์ผลงานของตัวแทนวิทยากรกระบวนการจาก 4 ภูมิภาค, มุมเล่านิทานที่มีหนังสือนิทานจากประเทศต่างๆ ในอาเซียน, พื้นที่อวดผลงานประดิษฐ์ “ของเล่นอาเซียน...มีเสียง” อีกทั้งยังมีกิจกรรมเวิร์คช้อป การทำของเล่นด้วยตนเอง กับแนวคิดสนุกๆ อย่าง “ของเล่น...ทำเองก็ได้...ง่ายจัง” จากเหล่าวิทยากรกระบวนการ ทั่วประเทศอีกด้วย
ไฮไลต์ในงานแถลงข่าวครั้งนี้นอกจากจะมีน้องๆ จากโรงเรียนต่างๆ ที่มีผลงานชนะการประกวด ”ของเล่นอาเซียน…มีเสียง” นำของเล่นมาอวดกันแล้ว ยังมี 3 คุณแม่คนดัง ที่จูงลูกน้อย มาเล่าประสบการณ์ดีๆ จากการเล่านิทานและการเล่นกับลูกมาฝากด้วย
เริ่มจาก ปอ-ปุณยวีร์ สุขกุลวรเศรษฐ์ ผู้ประกาศข่าว คุณแม่น้องแพรพัชร ลูกสาววัย 3 ขวบ 7 เดือน เล่าว่า อ่านนิทานให้ลูกสาวตั้งแต่ 3 เดือน น้องแพรพัชรเลยพูดเป็นเร็ว ส่วนใหญ่ก็จะเล่านิทานที่ลูกชอบโดยเฉพาะเรื่องอึ่งอ่างกับวัว เรื่องเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า สโนว์ไวท์ จนลูกสาวสามารถแต่งเรื่องผูกเรื่องราวใหม่ สร้างจินตนาการขึ้น “ส่วนตัวเห็นว่าการเล่านิทานให้ลูกฟังเป็นการสร้างพัฒนาการให้ลูกได้ครบด้านค่ะ แม้แต่ตอน 3 เดือน ปอจะเลือกหนังสือนิทานที่มีภาพใหญ่ๆ สีสันสดใสมาให้น้องได้ฝึกการมอง พอโตขึ้นหน่อยเขาเปิดหนังสือเองได้ ก็ได้ฝึกกล้ามเนื้อมือ และยังเป็นการเสริมสร้างจินตนาการและฝึกภาษาได้ดีอีกด้วย”
“สำหรับการเปิดประตูสู่อาเซียนที่จะมาถึงนี้ นอกจากจะเตรียมความพร้อมทางด้านภาษา โดยเลือกนิทานที่มีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีนให้ลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้ลูกรู้จักวัฒนธรรมและรากเหง้าของประเทศเราด้วย อ่านหนังสือภาษาไทยก็ให้แตกฉานและชัดเจน แล้วค่อยส่งเสริมภาษาที่ 2 ที่ 3 ค่ะ” ปอ กล่าวเสริม
ด้านคุณแม่ลูกสอง โน้ต-ณัฐกานต์ ประสพสายพรกุล จูงน้องพอใจ วัย 3 ขวบ มาร่วมงานในชุดเจ้าหญิงแบบเดียวกัน “โน้ตเชื่อมั่นในการเรียนรู้ผ่านการเล่านิทานมากค่ะ โน้ตเล่านิทานเรื่องกุ๊กไก่ปวดท้องให้น้องพอใจฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง 5 เดือน พอวันที่คลอดวันแรก โน้ตคลอดเองและขอให้คุณหมอนำน้องมาดูดนมแม่ก่อนเป็นอันดับแรก พอเค้าหานมแม่ไม่เจอเค้าก็เริ่มร้องไห้ พอโน้ตเล่านิทานเรื่องนี้ให้เค้าฟัง พอใจเงียบเลยค่ะ เค้าคงจำได้และคงคุ้นหู หลังจากนั้นโน้ตก็เล่านิทานให้น้องฟังมาโดยตลอด ซึ่งตั้งใจกับคุณพ่อเค้าว่าอยากให้ลูกเป็นคนรักการอ่านและใฝ่รู้ เพราะหากเค้าชอบอ่านหนังสือแล้ว เค้าจะค้นพบทุกๆ เรื่องที่เค้าอยากค้นหา เราจึงสร้างบรรยากาศในบ้านให้เป็นที่อ่านหนังสือของลูกๆ”
คุณแม่โน้ตจะเลือกหนังสือนิทานที่มีคำคล้องจองให้ลูกเป็นหลัก จนน้องพอใจสามารถสร้างประโยคคล้องจองคุยกับแม่ได้เอง และเธอก็เลือกนิทานที่มี 2 ภาษามาอ่านให้ลูกฟัง เพื่อฝึกทักษะทางด้านภาษาเพื่อเตรียมพร้อมเมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว
คุณแม่อร อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ มาพร้อมสองหนุ่มน้อย น้องอองรีและน้องอองตอง ลูกชายที่ถูกบ่มเพาะด้วยวิถีความเป็นไทย พร้อมแนะนำวิธีการเลี้ยงลูกด้วยนิทานสไตล์แม่อรว่า “อรจะเน้นให้ลูกฟังเพลงตั้งแต่ตอนท้อง พอลูกโตขึ้น ก็จะให้เค้าทำกิจกรรมต่างๆ ที่ลูกๆ ชอบ โอกาสที่จะอ่านหนังสือนิทานให้ลูกๆ นั้น มีน้อย เพราะทั้งคู่อายุห่างกันไม่มาก คนหนึ่งจะนอน อีกคนจะเล่น ก็เลยได้อ่านนิทานไม่บ่อย แต่พอลูกๆ โตขึ้น เขาอ่านหนังสือเองได้ ก็เลยสนับสนุนการอ่านให้เขาเต็มที่ อย่างน้องอองรีลูกชายคนโตจะชอบหนังสือประเภทวิทยาศาสตร์ การทดลอง ในขณะที่น้องอองตอง จะชอบอ่านหนังสือนิทานเกี่ยวกับการผจญภัย ไดโนเสาร์ และหากมีโอกาสได้อ่านนิทานให้ลูกก็จะเลือกนิทานที่มีคติสอนใจ หรือนิทานชาดก อย่างล่าสุดก็อ่านพระเวสสันดรให้ลูกๆ ฟัง ลูกก็จะได้แง่คิด ได้รู้ผลของการทำชั่ว และตั้งใจทำความดีค่ะ”
นอกจากนั้นยังมีกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กและครอบครัว นายแพทย์ สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็ก มาร่วมเผยผลดีจากกิจกรรมเล่านิทานว่า ลูกๆ วัยปฐมวัยนี้ เป็นวัยทองที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์และความใกล้ชิดได้ดีที่สุด พ่อแม่อย่าปล่อยให้ลูกผ่านวัยนี้ไปโดยปล่อยให้อยู่กับทีวีหรือเกมมือถือต่างๆ จนสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมลูกไปในทางที่ไม่ดี แต่ควรมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ กับลูก ไม่ว่าจะเป็นการเล่านิทาน การเล่น การอ่าน เพราะหากลูกผ่านพ้นวัยนี้ไปแล้ว พ่อแม่จะมีโอกาสใกล้ชิดลูกอีกทีก็ช่วงวัยรุ่นตอนต้น ซึ่งตอนนั้นจะยากกว่าตอนลูกยังเล็กๆ มาก
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากบ่มเพาะความรู้และสร้างเสริมจินตนาการให้แก่ลูกน้อย มาร่วมงานมหกรรมเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก ปี 2556 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 15- 17 พฤศจิกายน 2556 ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ 3 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ