กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--Top Up Organize
กรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดตัวโครงการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ กฎ ระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย วัตถุอันตรายและสารเคมีที่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม เตรียมพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
นายชุมพล ชีวะประภานันท์ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นประธานเปิดตัว “โครงการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ กฎ ระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย วัตถุอันตรายและสารเคมีที่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” เพื่อยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทย ด้านการลงทุนและแข่งขันในกลุ่มประเทศสมาชิก AEC ให้อยู่ในระดับเดียวกัน เพิ่มความได้เปรียบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การแข่งขันและพัฒนาอุตสาหกรรมบนพื้นฐานของอุตสาหกรรมสีเขียวได้อย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ ห้อง ๕๐๙ ชั้น ๕ อาคารกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมกรุงเทพมหานคร
กรมโรงงานอุตสาหกรรมตระหนักถึงโอกาสและผลกระทบต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศ จึงดำเนินงานจัดทำโครงการต่างๆ ขึ้น ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๕๔ เป็นต้นมา สำหรับปีพ.ศ.๒๕๕๖ นี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม เห็นว่า “หากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทย มีความประสงค์จะขยายการลงทุนเข้าไปยังประเทศสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมายและมาตรฐานมลพิษอุตสาหกรรมที่หน่วยงานกำกับดูแลโรงงานอุตสาหกรรมของแต่ละประเทศกำหนดไว้ ซึ่งในปัจจุบันมีความแตกต่างกันในรายละเอียดของข้อกำหนดตามการพัฒนาอุตสาหกรรมของแต่ละประเทศ ดังนั้นกรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงได้จัดทำโครงการฯ นี้ขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ พัฒนา และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยเกี่ยวกับ กฎระเบียบข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการประกอบกิจการอุตสาหกรรม”
สำหรับการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการฯ ในวันนี้ เพื่อเป็นการแจ้งประชาสัมพันธ์การจัดทำและดำเนิน“โครงการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ กฎ ระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย วัตถุอันตรายและสารเคมีที่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ให้แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรับทราบ และเพื่อให้หน่วยงานดังกล่าวช่วยเผยแพร่และประชาสัมพันธ์โครงการนี้ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และผู้สนใจทั่วไปรับทราบการดำเนินโครงการอย่างทั่วถึง.