กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
กระทรวงการคลังจัดประชุมชี้แจงหัวหน้าหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณในแผนงาน /โครงการต่างๆ ให้สำเร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และเป็นไปตามเป้าหมายการเบิกจ่ายงบภาพรวมอยู่ที่ร้อยละ 95 และรายจ่ายลงทุนที่ร้อยละ 82
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงหัวหน้าหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อให้แผนงาน/โครงการต่างๆ ให้สำเร็จตามกรอบระยะเวลา และตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ แม้ว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จะประกาศพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2556 แต่รัฐบาลมีแนวทางในการบริหารจัดการรายจ่ายภาครัฐ พร้อมทั้งให้ส่วนราชการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ดำเนินการได้ทันทีที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2557 ประกาศใช้บังคับ
ทั้งนี้ ในปีนี้ได้กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายไว้สูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา คือ รายจ่ายภาพรวมร้อยละ 95 และรายจ่ายลงทุนร้อยละ 82 ทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสูงถึง 2.399 ล้านล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณภาครัฐแล้วเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 โดยเน้นความสำคัญเกี่ยวกับการให้หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจและจังหวัดที่ได้รับเงินงบประมาณในปีปัจจุบันและเงินงบประมาณปีก่อนๆ ให้รีบดำเนินการ เบิกจ่ายให้ได้ในไตรมาสที่ 1 นอกจากนี้ยังได้ออกมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2556 โดยให้ส่วนราชการต่างๆ ที่ขอเปลี่ยนแปลงรายการ แผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณทั้งที่ก่อหนี้ได้และก่อหนี้ไม่ได้ ในวงเงิน 146,000 ล้านบาท ให้เร่งเบิกจ่ายภายในเดือนธันวาคม 2556 และเมื่อรวมกับการเบิกจ่ายเงินปี พ.ศ. 2557 จะมีเงินงบประมาณเข้าระบบมากกว่า 600,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ในไตรมาสที่ 1 ภาครัฐสามารถเบิกจ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ถึง 750,000 ล้านบาท
นายกิตติรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังจะใช้มาตรการใหม่ที่สำคัญ คือ จะนำข้อมูลการก่อหนี้และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 จากระบบ GFMIS ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ไปใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 และถ้าก่อหนี้ เบิกจ่ายเงินกันขยาย และเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2557 ที่ได้รับจัดสรรได้จำนวนน้อย จะทำให้งบประมาณปี พ.ศ. 2558 ได้รับการจัดสรรน้อยลงด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นการปรับวงเงินงบประมาณให้สอดคล้องกับความสามารถในการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินได้ภายในปีงบประมาณที่ได้รับจัดสรร และยังไม่เป็นภาระกับรัฐบาลในการสำรองเงินไว้ให้หน่วยงานที่ยังไม่พร้อมดำเนินงาน ทั้งนี้รัฐบาลจะนำเงินดังกล่าว และยังไม่เป็นภาระกับรัฐบาลในการสำรองเงินไว้ให้หน่วยงานที่ยังไม่พร้อมดำเนินงาน ทั้งนี้รัฐบาลจะนำเงินดังกล่าวไปจัดสรรให้กับหน่วยงานที่มีความพร้อมมากกว่าไปดำเนินการแทน
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณในปีนี้ มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆ มา เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายเงินได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก โดยกำหนดนโยบายที่เน้นในเรื่องของการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินการด้านต่างๆ ให้ลดน้อยลง และทำให้ส่วนราชการสามารถปฏิบัติงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดต่อไป โดยได้เชิญหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ มารับฟังการชี้แจงในวันนี้ รวมถึงนายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ได้ให้เกียรติเป็นผู้ชี้แจงเรื่อง แนวทางการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ด้วย