กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (Short-term National Rating) ของโปรแกรมการออกตั๋วแลกเงินอายุไม่เกิน 270 วัน ซึ่งสามารถออกหมุนเวียนใหม่ได้ มูลค่าไม่เกินหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาทของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) ที่ระดับ ‘F1(tha)’
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
การลดอัตราส่วนหนี้สินล่าช้าออกไป: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (funds flow from operations adjusted net leverage) ของ ESSO จะอยู่ในระดับ 5 เท่าถึง 6.5 เท่า ในปี 2556-2559 จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ระดับ 5 เท่าถึง 5.5 เท่า กระแสเงินสดจาการดำเนินงานของ ESSO ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะจากธุรกิจพาราไซลีน และการที่ฟิทช์มองว่าแนวโน้มของอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันและส่วนต่างราคาระหว่างผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบของพาราไซลีนที่น่าจะยังคงอ่อนแออยู่ น่าจะทำให้การลดลงของอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทล่าช้าออกไป
ไม่มีแผนการลงทุนใหม่ที่ใหญ่: ฟิทช์คาดว่า ESSO ไม่น่าจะมีแผนการลงทุนใหญ่ๆในช่วงปี 2556-2560 หลังจากที่โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันศรีราชาเสร็จในปี 2554 ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทฯน่าจะลดลงเหลือประมาณหกร้อยล้านบาทถึงหนึ่งพันล้านบาทต่อปี จาก สี่พันถึงสี่พันห้าร้อยล้านบาทต่อปี ช่วงปี 2553-2554 ดังนั้นกระแสเงินสดจากการดำเนินงานหลังหักค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและเงินปันผลของ ESSO น่าจะเป็นบวกตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป
การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่: อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนในด้านการดำเนินธุรกิจและการเงินจากบริษัท เอ็กซอนโมบิลคอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการใช้เครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลกของกลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล ในการจัดหาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน และสามารถใช้ประโยชน์จากการบริการด้านเทคโนโลยี และวิศวกรรม ทรัพยากรบุคคล และการวิจัยและพัฒนาของกลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ นอกจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงาน กลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล ยังได้ให้เงินกู้ยืมเงินระยะสั้นแก่ ESSO ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 จำนวน สามพันล้านบาท หลังจากที่ให้กู้ยืมเงินระยะยาวในปี 2555 จำนวนห้าพันล้านบาท นอกจากนี้กลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล ยังมีการให้วงเงินสำหรับเงินทุนหมุนเวียนแก่บริษัทฯ จำนวนห้าหมื่นสี่พันล้านบาทอีกด้วย
โรงกลั่นที่มีสายการผลิตที่เชื่อมโยงกับการผลิตพาราไซลีน: อันดับเครดิตของ ESSO สะท้อนถึงโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ ที่มีความซับซ้อนและมีความสามารถในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สูง รวมถึงความได้เปรียบในการจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบในต้นทุนที่ต่ำโดยผ่านเครือข่ายของบริษัทแม่ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจภายใต้เครื่องหมายการค้า “เอสโซ่” (Esso) ที่มีชื่อเสียงอันยาวนานในประเทศไทย อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงการที่โรงกลั่นของบริษัทฯ มีการประสานเชื่อมโยงกันกับการผลิตพาราไซลีนซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำให้สายการผลิตมีการใช้ประโยชน์สูงสุด และยังเป็นการช่วยลดความผันผวนของรายได้จากการกลั่นน้ำมันได้บางส่วนอีกด้วย นอกจากนี้ ESSO ยังมีความแข็งแกร่งในธุรกิจการค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูป โดยมีสัดส่วนยอดขายต่อยอดขายทั้งหมดในตลาดประมาณร้อยละ 16 ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศไทย
ความผันผวนตามวัฏจักรของธุรกิจ: สถานะเครดิตของ ESSO ยังพิจารณารวมถึงความเสี่ยงจากความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมันดิบ รายได้ค่าการกลั่น ตลอดจนส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อรายได้ ความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน และการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทฯได้ นอกจากนี้ ESSO ยังมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทฯ มีโรงกลั่นน้ำมันเพียงแห่งเดียว (Single-Site) อีกด้วย
ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
-ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและผลประกอบการที่มีความสม่ำเสมอตลอดช่วงวัฎจักรของอุตสาหกรรม รวมถึงการรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่ต่ำได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยลบ:
-สัดส่วนการถือหุ้นและการสนับสนุนที่น้อยลงจากกลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิล
-กระแสเงินสดจากการดำเนินงานหลังหักค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและเงินปันผลที่เป็นลบอย่างต่อเนื่อง
-ค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเฉลี่ยที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง การลงทุนที่สูงขึ้นโดยมีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง