กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ร่วมกับบริษัท ทีเอส แฟมิลี่ กรุ๊ปจำกัด จัด “งานแถลงข่าวและพิธีลงนามในสัญญาสินเชื่อเพื่อก่อสร้างโรงแรมเดอะ แกรนด์ เฮอริเทจ เรสซิเด้นท์” ชูคอนเซปต์ Green & Halalพร้อมรองรับลูกค้าในตลาดอาเซียนและตะวันออกกลางรวมทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยเช้าวันนี้ (4 พ.ย. 2556) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดย ร.ต.อ.ภูมินทร์พึ่งสุจริต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มงาน ธุรกิจ SMEsลงนามในสัญญาสินเชื่อเพื่อก่อสร้างโรงแรม เดอะ แกรนด์ เฮอริเทจเรสซิเด้นท์ ร่วมกับ บริษัท ทีเอส แฟมิลี่ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งบริหารงานโดยคุณรอศักดิ์ มูลทรัพย์ ประธานกรรมการบริษัทฯโดยเปิดเผยถึงที่มาของโครงการนี้ว่า “ โรงแรม เดอะ แกรนด์ เฮอริเทจเรสซิเดนท์ นั้น เป็นโรงแรม Green & Halal ระดับ 4 ดาวแห่งเดียวย่านกรุงเทพตะวันออกที่มุ่งเน้นตอบสนองกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศเทศโดยเฉพาะจากกลุ่มมุสลิมในประเทศอาเซียนและตะวันออกกลางที่เดินทางเข้าออกประเทศไทย
เพื่อการท่องเที่ยว ประชุมสัมมนาและเข้ารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทยที่ได้รับความเชื่อมั่นจากนานาชาติทั้งนี้เรามุ่งหวัง ให้ เดอะ แกรนด์ เฮอริเทจ เรสซิเดนท์ แห่งนี้สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้าและทำให้เกิดมิติใหม่ในวงการของผู้ประกอบการมุสลิม
ด้วยแนวคิด Green&Halal เป็นหลักเพราะนอกจากเราจะให้บริการห้องพักมากกว่า 250 ห้อง เรายังมีห้องละหมาดห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดเลี้ยงที่หรูหราสะดวกสบายและครบวงจรภายใต้พื้นที่ใช้สอยกว่า 20,000 ตารางเมตร
นอกจากนี้การบริหารจัดการยังเป็นไปตามหลักการศาสนาอิสลามและส่งเสริมการดำเนินงานที่อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”ด้าน ร.ต.อ. ภูมินทร์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า“การเป็นแหล่งเงินทุนให้กับลูกค้ามุสลิมในภาคธุรกิจเพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันในเวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)และผลักดันให้ผู้ประกอบการมุสลิมประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาคนั้นถือเป็นหน้าที่สำคัญของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยและเป็นเจตนารมณ์ในการก่อตั้งธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยที่มุ่งเป็นธนาคารเพื่อพี่น้องมุสลิม ทั้งนี้ตลอดระยะเวลากว่า 10ปีที่ผ่านมานั้น
ธนาคารได้ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการชาวมุสลิมทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิดการเป็นสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามหลักชะรีอะฮ์ซึ่งโครงการฯนี้ธนาคารได้ร่วมลงทุนกับลูกค้าเพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพทางธุรกิจของลูกค้าที่จะตองสนองพี่น้องชาวไทยมุสลิมและชาวมุสลิมในภูมิภาคที่มีกว่า 300ล้านคนที่จะเดินทางมาในประเทศไทยและได้พำนักในโรงแรมที่มีการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกับหลักทางศาสนาการร่วมทุนในครั้งนี้ยังเป็นการส่งเสริมนโยบายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(Asean Economic Community)อีกด้วย“