กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
บลจ. ทิสโก้ เปิดตัว 2 กองทุน RMF ลุยตลาดหุ้นสหรัฐฯ — ตลาดหุ้นญี่ปุ่น สร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียง S&P 500 และ Nikkei 225 พร้อมรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี หลังสัญญาณเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศใหญ่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ปัจจัยหนุนการเติบโตโดดเด่น ชี้เป็นทางเลือกหลังตลาดหุ้นไทยเริ่มแผ่ว เสนอขายครั้งแรก 12 -27 พ.ย. นี้
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, First Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า ด้วยจุดยืนของทิสโก้ที่มุ่งมั่นในการสร้างโอกาสทางการเงินที่หลากหลาย และตอบโจทย์ทางการเงินของลูกค้าอย่างตรงจุด ล่าสุด บลจ.ทิสโก้ จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ 2 กองทุนรวด เพื่อสร้างโอกาสสู่ความมั่งคั่งยามเกษียณให้แก่ลูกค้า ได้แก่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” โดยจะเปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 12 — 27 พ.ย. 56 นี้
โดย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR S&P 500 ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ซึ่งบริหารและจัดการโดย State Street Global Advisors ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ขณะที่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Nikkei 225 Exchange Traded Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี Nikkei 225 และหุ้นที่กำลังจะมาเป็นส่วนประกอบของดัชนี Nikkei 225 เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของดัชนี Nikkei 225 พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วยเช่นกัน
ด้าน นายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobphol, Senior Strategist, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU) กล่าวถึงมุมมองของทิสโก้ที่สนับสนุนการออกกองทุนดังกล่าวว่า TISCO ESU มองว่ากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในช่วงนี้ คือ การกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนประการแรกคือ ปัจจุบันความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยเริ่มมีน้อยลง เนื่องจากราคาหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตลอดช่วง 3 ปี ทำให้ราคาหุ้นไทยแพงกว่าตลาดอื่นในเอเชียโดยเฉลี่ย รวมถึงตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวลงจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐที่หมดอายุลง ประกอบกับความเสี่ยงจากอุณหภูมิการเมืองในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นจากการผลักดันร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ล้วนแต่เป็นปัจจัยกดดันดันการเติบโตของตลาดหุ้นไทยทั้งสิ้น
ปัจจัยสนับสนุนต่อมาคือ การลงทุนในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น มีความน่าสนใจขึ้นมาก เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ในปี 2557 สหรัฐฯ จะลดขนาดของการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE Tapering) ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ กลับเป็นขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตราสารหนี้มาลงทุนในหุ้นมากขึ้น (The Great Rotation) และทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการถือครองสินทรัพย์ในสหรัฐฯ นอกจากนี้การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังออกมาดีกว่าที่คาดไว้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ยังคงมีสัญญาณเป็นบวกจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนายชินโซ อาเบะ หรือ นโยบายธนูสามดอก (Three arrows) ได้แก่ การกระตุ้นด้วยนโยบายการคลัง การเงิน และการปฏิรูปเศรษฐกิจ ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะต่อไปสดใสขึ้น โดยล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงตามนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น ยังจะส่งผลบวกต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้ อีกทั้งค่า P/B ของดัชนี Nikkei225 ปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในตลาดพัฒนาแล้ว หรืออยู่ที่ 1.4 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นโลก ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจึงน่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในขณะนี้
นายสาห์รัช กล่าวว่า กองทุนทั้ง 2 กองดังกล่าว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาวไว้ใช้หลังเกษียณ และต้องการกระจายการลงทุนไปยังหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยที่ผ่านมา บลจ. ทิสโก้ แสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศมาให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเล็งเห็นว่าโอกาสการลงทุนไม่ได้มีอยู่เพียงในประเทศเท่านั้น ปัจจุบัน บลจ. ทิสโก้จึงมีกองทุน RMF ที่มีหลากหลายนโยบายการลงทุน ที่ครอบคลุมสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ได้แก่ ตลาดหุ้นจีน-อินเดีย ตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ และล่าสุดคือตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกและโอกาสในการลงทุนระยะยาวให้ลูกค้า ซึ่งคาดว่ากองทุน RMF ใหม่ทั้ง 2 กองนี้จะได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” มูลค่าโครงการละ 1,000 ล้านบาท มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 5,000 บาท และครั้งต่อไป 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 12 — 27 พ.ย. 56 นี้ หลังจากนั้นเปิดซื้อขายทุกวันทำการ ผู้สนใจติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือสอบถามได้ที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4