กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกลยุทธ์สร้างความเติบโตเพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน โดยยังคงรักษาฐานธุรกิจเดิมให้มั่นคงและเดินหน้าขยายตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและโอกาสการลงทุนทั้งการพัฒนาโครงการใหม่ และการเข้าไปซื้อโรงไฟฟ้าหรือกิจการที่ดำเนินการแล้ว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนกระจายการลงทุนสู่ธุรกิจอื่นที่อยู่ในภาคธุรกิจพลังงานเพื่อเพิ่มมูลค่าแก่องค์กรด้วย
นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและการแข่งขันทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้บริษัทฯ สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ และสังคม ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางแนวทางในการดำเนินธุรกิจนับตั้งแต่การใช้ประโยชน์สินทรัพย์ที่มีอยู่แล้วให้เต็มศักยภาพเพื่อสร้างรายได้ การแสวงหาโครงการพัฒนาใหม่ในฐานธุรกิจเดิมของบริษัทฯ ได้แก่ ไทย ลาว และออสเตรเลีย การผนึกกับพันธมิตรเพื่อลงทุนขยายกำลังการผลิตในตลาดใหม่ ๆ เช่น พม่า อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เป็นต้น การมองหาโอกาสเพิ่มมูลค่าองค์กรจากธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ในไลน์ของการผลิตไฟฟ้า รวมทั้ง การเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กรให้พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์ธุรกิจขององค์กรให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
นายพงษ์ดิษฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในช่วงเวลา 13 ปี บริษัทฯ ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง โดยกำลังผลิตของบริษัทฯ ได้เติบโตขึ้นประมาณ 4.28 เท่า หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 329 จาก 1,470 เมกะวัตต์ในปี 2543 มาอยู่ที่ 6,303 เมกะวัตต์ สินทรัพย์จาก 37,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 149 หรือ ประมาณ 2.48 เท่า เป็นจำนวน 92,000 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 ขณะที่ กำไรสะสม อยู่ที่ 38,600 ล้านบาท ณ สิ้นสุดไตรมาส 2 สำหรับอัตราผลตอบแทน อยู่ในระดับร้อยละ 4.5 ที่สำคัญ ฐานการผลิตที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ นอกจากประเทศไทยแล้ว ยังมาจากสปป. ลาว และออสเตรเลียด้วย บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในทั้งสามประเทศนี้อย่างต่อเนื่อง โดยในออสเตรเลีย บริษัทฯ กำลังดำเนินการพัฒนาโครงการ Collinsville Energy Park ซึ่งเป็นการพัฒนาโรงไฟฟ้า Collinsville ซึ่งหยุดการผลิตแล้วให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Solar PV และSolar Thermal และยังมีแผนที่จะพัฒนาโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมอีกด้วย”
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จำนวน 26 โครงการ และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาโครงการจำนวน 6 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าราชบุรีเวอลด์โคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิต 210 เมกะวัตต์ (สัดส่วนการถือหุ้น 40%) โครงการโรงไฟฟ้าผลิตไฟฟ้านวนคร กำลังผลิต 122 เมกะวัตต์ (สัดส่วนการถือหุ้น 40%) โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเขาค้อ กำลังผลิต 60 เมกะวัตต์ (สัดส่วนการถือหุ้น 55%) โครงการผลิตไฟฟ้าชีวมวลสงขลา กำลังผลิต 9.9 เมกะวัตต์ (สัดส่วนการถือหุ้น 40%) โรงไฟฟ้าหงสา กำลังผลิต 1,878 เมกะวัตต์ (สัดส่วนการถือหุ้น 40%) และโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย กำลังผลิต 410 เมกะวัตต์ (สัดส่วนการถือหุ้น 25%) ซึ่งโครงการทั้งหมดอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งมีความก้าวหน้าตามแผนงานที่วางไว้
ในอนาคต บริษัทฯ มีแนวทางที่จะขยายพอร์ตการลงทุนในลักษณะของการพัฒนาโครงการใหม่ และการเข้าซื้อกิจการหรือหุ้นของกิจการโรงไฟฟ้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะพิจารณาโครงการประเภทถ่านหิน พลังน้ำ และพลังงานทดแทน เป็นสำคัญ อีกทั้งยังหาช่องทางที่จะเข้าสู่ธุรกิจอื่น ทั้งในไลน์ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและพลังงาน ด้วย
“ในอนาคต บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายจะขยายฐานธุรกิจสู่ พม่า อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์โอกาสและศักยภาพของตลาดเหล่านี้แล้ว และเห็นว่าความเป็นไปได้ในการลงทุนยังมีอยู่มาก เช่น พม่า อินโดนีเซีย เวียดนาม มีโอกาสที่จะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและพลังน้ำ ส่วนฟิลิปปินส์ การลงทุนในลักษณะของการเข้าซื้อกิจการมีความน่าสนใจมาก” นายพงษ์ดิษฐ กล่าวปิดท้าย