“กลุ่มสุกสมบูน” แต่งตั้ง “APMLAO” เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เตรียมนำธุรกิจปูนซีเมนต์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 12, 2013 14:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--ธามดี พลัส “กลุ่มสุกสมบูน” แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอพีเอ็มลาว จำกัด หรือ APMLAO เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และจัดโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อเตรียมนำธุรกิจปูนซีเมนต์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาวในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากธุรกิจปูนซีเมนต์มีศักยภาพการเติบโตสูง เนื่องด้วยการพัฒนาโครงสร้างขนาดพื้นฐานของประเทศ อาทิ โครงการรถไฟรางคู่ โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเขื่อนกว่า 60 แห่ง การขยายถนนหมายเลข 13 เป็น 6 ช่องจราจรระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC นายจิตตะกอน สุกสมบูน ผู้อำนวยการ กลุ่มบริษัท สุกสมบูน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายปูนเม็ด และปูนซีเมนต์คุณภาพสูง เปิดเผยว่า บริษัทได้แต่งตั้งบริษัท หลักทรัพย์ เอพีเอ็มลาว จำกัด หรือ APMLAO เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและจัดโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัท เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว โดยเล็งเห็นว่าธุรกิจแรกในกลุ่มที่มีศักยภาพสูงที่สุด คือ ธุรกิจปูนซีเมนต์ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 4 บริษัท แบ่งออกเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในประเทศไทย 2 บริษัท คือ บริษัทอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ บี เอ็ม ซี จำกัดและห้างหุ้นส่วนจำกัด บี เอ็ม ซี คอนกรีต และจดทะเบียนอยู่ในสปป. ลาว 2 บริษัท คือ บริษัทอุตสาหกรรมซีเมนต์ ลาว จำกัด และ โรงงานผลิตซีเมนต์ บีเอ็มซี “ปัจจุบันธุรกิจของกลุ่มสุกสมบูน มีทั้งปูนซีเมนต์ ขนส่งและโลจิกติกส์ สถานีบริการน้ำมัน ไม้แปรรูป ก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ แต่ว่าธุรกิจที่คาดว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ลาวได้เร็วที่สุด คือ ธุรกิจปูนซีเมนต์ ซึ่งมีการผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายใต้ตราสินค้า “ช้างคำ” ของตัวเอง มีผลิตภัณฑ์ 3 อย่างคือ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท PC 52.5 ใช้ก่อสร้างงานโครงสร้างอาคาร งานคอนกรีตที่ต้องการกำลังอัดสูง ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท PC 42.5 ใช้สำหรับงานก่อสร้างทั่วไป และปูนซีเมนต์ผสม ประเภท PC 32.5 ใช้สำหรับงานฉาบ งานก่อ งานติดกระเบื้อง” นายจิตตะกอน กล่าว ในปี 2556 โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ที่เวียงจันทน์ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 450,000 ตันต่อปี ขณะที่กำลังการผลิตทั้งหมดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวหรือ(สปป.ลาว) อยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านตันต่อปี แต่ปริมาณความต้องการใช้ปูนซีเมนต์นั้นมีมากถึง 3,500,000 ตันต่อปี เนื่องจากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันสปป.ลาว อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงสร้างขนาดพื้นฐานของประเทศ โดยขณะนี้รัฐบาลได้อนุมัติโครงการขนาดใหญ่ อาทิ โครงการรถไฟรางคู่ โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเขื่อนกว่า 60 แห่ง การขยายถนนหมายเลข 13 เป็น 6 ช่องจราจรระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ทั้งนี้เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปลายปี 2558 และล่าสุดบริษัทได้รับใบประกาศประกาศนียบัตรของโรงงานผลิตซีเมนต์ BMC Cement Factory ทางด้านระบบการบริหารจัดการ ISO 9001 : 2008 และใบประกาศนียบัตรมาตรฐานอุตสาหกรรมลาว Certificate of Portland Cement มล. 04-2010 และCertificate of Mixed Cement มล. 05-2001 ยิ่งเป็นเรื่องตอกย้ำว่าบริษัทใส่ใจในทุกรายละเอียดทั้งทางด้านการผลิตและระบบบริหารจัดการ นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ เอพีเอ็มลาว จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของกลุ่มบริษัท สุกสมบูน จำกัด เปิดเผยว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจที่มีโอกาสได้ร่วมทำงานกับกลุ่มสุกสมบูน เนื่องจากธุรกิจของกลุ่มสุกสมบูนมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีศักยภาพและโอกาสทื่จะเติบโตอย่างมากในโดยเฉพาะธุรกิจปูนซีเมนต์ โดยที่บริษัทมีแหล่งวัตถุดิบ ที่สามารถผลิตปูนเม็ดกำลังการผลิต 1,600,000 ตันต่อปี ตั้งอยู่ที่แขวงคำม่วน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตปูนเม็ด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2558 ทั้งนี้เมื่อโรงงานแล้วเสร็จกลุ่มบริษัท สุกสมบูน จำกัด จะใช้โรงงานดังกล่าวเป็นจุดศูนย์กลางในการขยายช่องทางการตลาดทั้งในประเทศลาว ประเทศไทย ตลอดจนภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งคือ กลุ่มบริษัท สุกสมบูน จำกัด ยังมีธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ที่มีรถบรรทุกพร้อมให้บริการมากกว่า 200 คัน ซึ่งเพียงพอต่อการขนส่งวัตถุดิบและสินค้าของบริษัท “บริษัทมีโรงงานปูนซีเมนต์ทั้งไทยและลาว มีบริษัทขนส่งของตัวเอง มีแหล่งวัตถุดิบ ยิ่งทำให้ได้เปรียบเรื่องต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง รวมถึงชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์ ก็ได้รับการยอมรับอย่างสูง มีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การที่ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจปูนซีเมนต์ในสปป.ลาว นั้น ยังคงเป็นไปได้ยาก เพราะต้องมีมูลค่าการลงทุนสูง ขณะเดียวกันแหล่งสัมปทานเหมืองแร่หินปูนซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปูนซีเมนต์มีอยู่ในจำนวนจำกัด ปัจจุบัน รายได้ในส่วนธุรกิจปูนซีเมนต์อยู่ที่ประมาณ 700-800 ล้านบาท ทั้งนี้จากศักยภาพของธุรกิจปูนซีเมนต์ทำให้บริษัทมีแผนจะนำธุรกิจดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาวในอีก 2-3 ปีข้างหน้า” นายสมภพ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ