กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--IR network
บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (EUREKA) โชว์ผลประกอบการในไตรมาส 3/2556 เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ฟันรายได้ 102.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% จากช่วงปีก่อนและกวาดกำไรสุทธิ 13.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 723.4% จากช่วงปีก่อน หลังคำสั่งซื้อทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมมั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% แตะ 400 ล้านบาท รับอานิสงส์อุตสาหกรรมยานยนต์สดใส ขณะที่เดินหน้าขยายสาขาในต่างประเทศตามแผนงานที่วางไว้
นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) (EUREKA) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/2556 มีรายได้รวมอยู่ที่ 102.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 25.8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 81.49 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 723.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 2.2 ล้านบาท
“ผลประกอบการในไตรมาส 3/2556 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้ เนื่องจากสามารถดำเนินการได้ ตามแผนงานที่วางไว้ และสามารถจัดการควบคุมต้นทุน ให้เป็นไปตามที่กำหนดได้ รวมถึงการขยายตลาดใหม่ๆเพิ่มขึ้น พร้อมกับมีการวางแผนในการรับงานที่สม่ำเสมอมากขึ้น ทำให้สามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง”
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2556 คาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จากคำสั่งซื้อที่มีในมือเรียบร้อยแล้ว พร้อมมั่นใจว่ารายได้ของ EUREKA ในปี 2556 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 400 ล้านบาท หรือ เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปัจจัยบวกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ได้รับออเดอร์เพิ่มขึ้นจากผู้ประกอบรถยนต์ โดยในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 291.7 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 39.6 ล้านบาท
นายนรากร กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดสาขาในต่างประเทศว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนที่อินเดียและเวียดนาม อยู่ระหว่างหาทำเลที่ตั้งและเตรียมการเรื่องการยื่นขอจดทะเบียนบริษัท ซึ่งการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพื่อเป็นการขยายฐานรายได้และที่สำคัญเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจด้วย โดยบริษัทฯตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 2558 จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 12-15%
"ในช่วงเวลานี้ บริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ในประเทศไทย จะได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า เนื่องจากตลาดซบเซา ทำให้ผลดำเนินการแย่ลง แต่ยูเรกาไม่ได้รับผลกระทบนั้น เนื่องจากเป็นการทำงาน เกี่ยวกับโครงการใหม่ของผู้ผลิตรกยนต์ที่ยังไม่ได้มีการผลิตสินค้าออกมาขาย ตราบใดที่ยังมีการลงทุนก่อสร้างโรงงานใหม่ หรือลงทุนเพื่อเตรียมการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ยูเรกาก็จะยังสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีให้แก่นักลงทุนได้ต่อไป" นายนรากร กล่าว