DRT อวดผลงาน 9 เดือนทำรายได้ 3,363.32 ล้านบาท เชื่อไตรมาสสุดท้ายมีสัญญาณที่ดี หลังอสังหาฯ-ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างแห่ลงทุนเพิ่มในต่างจังหวัด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 14, 2013 10:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ ‘DRT’ โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 รายได้โต 1,090.52 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 83.88 ล้านบาท ชี้มีปัจจัยจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นซึ่งรวมค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรอิฐมวลเบาและ NT-10 ส่วนภาพรวม 9 เดือนแรกรายได้ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง หลังศักยภาพด้านการขายและการทำตลาดผ่านทุกช่องทางการขายดีขึ้น นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ พื้นไม้ลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปซัม และบริการหลังการขาย ภายใต้ แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2556 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,090.52 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 83.88 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกของปี 2556 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,363.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 2,980.58 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 377.03 ล้านบาทลดลง 5.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไร 400.9 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากการขายที่ดิน 43.97 ล้านบาท) ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้น มาจากช่องทางการจำหน่ายผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ กลุ่มลูกค้าโครงการ และตลาดต่างประเทศที่มีอัตราการขยายตัวได้เป็นอย่างดี “ไตรมาส 3 ปีนี้ แม้ยอดขายเติบโตได้ดี แต่ตัวเลขกำไรสุทธิไม่โดดเด่นมากนัก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา DRT ได้รับแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบการผลิตปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรสายการผลิตอิฐมวลเบาและ NT-10 ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนทางด้านการเงินจากดอกเบี้ยการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จึงส่งผลกระทบต่อตัวเลขกำไรในไตรมาสนี้” นายอัศนี กล่าว ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวถึงแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างในไตรมาส 4 คาดว่ายังมีอัตราการขยายตัวที่ดี ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคส่งผลต่อความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ประกอบกับห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่แต่ละรายยังลงทุนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โอกาสการขายสินค้าและทำยอดขายผ่านช่องทางดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น โดยประเมินว่า สินค้ากลุ่มอิฐมวลเบาและไม้สังเคราะห์จะมีความต้องการสูงขึ้น เนื่องจากลูกค้าจะซื้อสินค้าเพื่อนำไปซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังน้ำลด “ภาพรวมไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มีสัญญาณที่ดี เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคต่างจังหวัดขยายตัวได้ดี รวมถึงการลงทุนขยายสาขากลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เพิ่มสาขารองรับความต้องการซื้อสินค้า ซึ่ง DRT มีความพร้อมด้านการผลิตสินค้าที่หลากหลายครบวงจร เพื่อป้อนเข้าสู่ช่องทางขายต่างๆ ได้ดี จึงมั่นใจว่า ภาพรวมยอดขายปีนี้จะสามารถทำได้ตามเป้าที่เราได้วางไว้” นายสาธิตกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ